เคลียร์ไม่ลงตัว พปชร.เตรียมเกลี่ยกระทรวงใหม่ หลังปิดโหวตเลือกนายกฯ ตื้อขอคืนก.กษ-พณ.-คค. ก๊วนในพรรคเริ่มรวมกำลังพล แสดงพลังต่อรอง ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ว่า สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล นำโดยพรรคพปชร.หลังจากแกนนำพรรคไปเจรจาพูดคุยกับพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาล โดยพรรคพปชร.ยืนยันเงื่อนไขที่จะนำข้อเสนอของพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ทั้งเรื่องนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ตัวบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี รวมไปถึงการจัดสรรโควตารัฐมนตรี ตามที่พรรคร่วมมีการยื่นข้อเสนอมา โดยจะนำข้อเสนอเหล่านี้ส่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาในรายละเอียดให้เกิดความเหมาะสม ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ซึ่งอาจต้องมีการเกลี่ยกระทรวงใหม่อีกครั้ง เพื่อขอคืนกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงคมนาคม หลังจากผู้ประสานเจรจาในรอบแรกเสนอให้กับพรรคร่วม จนแกนนำกลุ่มต่างๆภายในพรรคไม่พอใจ และเปลี่ยนผู้เจรจาให้มาเป็นแกนนำที่มาจากสายการเมืองในพรรคโดยตรงเพื่อป้องกันข้อครหาคนนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมในพรรค ขณะที่ยังมีแรงกดดันจากกลุ่มสามมิตรที่พยายามจะขอคืนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือต่อรองให้พิจารณากระทรวงอื่นที่มีความสำคัญ เช่น กระทรวงคมนาคม เพื่อให้มีตัวแทนของกลุ่มเข้าไปบริหารแทน อย่างไรก็ตามการจัดสรรเก้าอี้ยังไม่ลงตัว แม้จะมีการเสนอข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย จะได้ตำแหน่งรองนายก ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ 3 และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 4 ตำแหน่ง แต่ทั้งหมดยังต้องมาพิจารณากันใหม่ โดยจะดูผลคะแนนที่แต่ละพรรคลงมติโหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯมาประกอบการพิจารณาด้วย จึงเป็นการล้มเจรจาในรอบแรกโดยผู้ที่มีอำนาจบางคนมาเป็นบุคคลภายในพรรคดำเนินการแทน ขณะเดียวมีความพยายามของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยวิ่งเข้าหาผู้ใหญ่นอกพรรค เพื่อขอให้ยืนดีลเดิมในรอบแรก ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า​ นอกจากนี้​ ในช่วงระหว่างที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรี​แก่พรรคร่วมรัฐบาล เพราะต้องรอให้ลงมติเลือกนายกฯเสร็จสิ้นก่อนนั้น​ ความเคลื่อนไหวของบรรดากลุ่มต่างๆ​ ภายในพรรคพลังประชารัฐเอง​ ก็เริ่มมีการรวบรวมจำนวน​ ส.ส.เพื่อแสดงให้เห็นกำลังของกลุ่ม​ตัวเอง​ และให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจได้เห็นว่าตัวเลข ส.ส.ที่แท้จริงแต่ละกลุ่มมีจำนวนเท่าใด​ รวมถึงเพิ่มอำนาจในการต่อรอง​โควต้ารัฐมนตรีให้เหมาะสมกับตัวเลขจำนวน​ ส.ส.