วันที่ 2 มิ.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร เปิดเผยถึง time line ของขั้นตอนการดำเนินคดีกรณีที่มีการร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อโซเชียลมีเดียในการถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ในพื้นที่ สภ.บรบือ ภ.จว.มหาสารคาม ว่าเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 62 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จว.มหาสารคามร่วมกันจับกุมผู้ต้องหารายหนึ่งในคดียาเสพติดฯ ซึ่งให้การซักทอดว่าซื้อยาเสพติดมาจากนายนิต ไม่ทราบนามสกุล โดยติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
ต่อวันที่ 3 เม.ย. 62 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงขยายผลเพื่อล่อซื้อ ยาบ้าประมาณ 2,000 เม็ด แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ จากนั้น จึงนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน และ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ผู้จดทะเบียนการใช้หมายเลขโทรศัพท์ สอบสวนปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงได้ดำเนินการยื่นคำร้องขออนุมัติต่อศาลเพื่อออกหมายจับนายนิต พิจิตรอาจ ต่อศาลจังหวัดมหาสารคาม และศาลได้อนุมัติหมายจับตามคำร้องขอและเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 62 เวลาประมาณ 09.30 น. นายนิตฯ ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตามหมายจับดังกล่าว และถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นพนักงานสอบสวนได้สอบสวนปากคำผู้ต้องหา พิมพ์ลายนิ้วมือ และได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมหาสารคามตามขั้นตอนกฎหมาย สำหรับประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงตามคำกล่าวอ้างของฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ว่าตนได้ขายโทรศัพท์ไปให้ผู้อื่นก่อนวันเกิดเหตุอีกทั้งตนเองได้อยู่สถานที่อื่นในวันเกิดเหตุ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ในการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จากฝ่ายผู้กล่าวหาและคำให้การพยานที่ยืนยันถึงการกระทำความผิดของผู้ต้องหาในคดีนี้ จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงนำพยานหลักฐานไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิจารณาขออนุมัติหมายจับ อีกทั้งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการทำสำนวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเองก็สามารถยื่นพยานหลักฐานเพื่อยืนยันหรือต่อสู้คดีในการพิสูจน์ความผิดของตนเองได้ และในชั้นพนักงานสอบสวนเองก็เปิดโอกาสในการรับฟังพยานหลักฐานทุกชนิดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จากนั้นจึงจะสรุปความเห็นทางคดี และส่งสำนวนการสอบสวนตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป นอกจากนี้ได้กำชับพนักงานสอบให้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน อย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม