จากภาพรวมของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยแม้จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงขึ้นทุกๆ ปี แต่เป็นธุรกิจที่ยังโตต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก อย่างพัทยา และภูเก็ต ซึ่งในเรื่องนี้มีนานาทัศนะจากนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่สะท้อนความโดดเด่นของธุรกิจดังกล่าว ซึ่งเวลานี้มาในรูปแบบการพัฒนาโครงการเพื่อขาย แล้วปล่อยให้เช่า โดยมีเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียง และมีเอกลักษณ์เข้ามาบริหารจัดการ เป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ได้อย่างน่าสนใจ เจาะไปที่ฐานลูกค้าหลัก ซึ่ง นาย ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฮาบิแทท กรุ๊ป กล่าวว่า โครงการที่พัฒนาขึ้น เพื่อให้นักลงทุนมาซื้อโดยมีเชนโรงแรมเข้ามาบริหารจัดการในขั้นตอนต่อไปนั้น ส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นคนกรุงเทพฯ เกิน 50% และด้วย ศักยภาพการท่องเที่ยวตลาดพัทยา-บางเสร่ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากอัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยประมาณ70-90% ตลอดทั้งปี ประกอบกับทำเลที่ดี มีการพัฒนาคมนาคมอย่างรวดเร็ว ใกล้กรุงเทพฯ และมีสนามบินนานาชาติที่มีสายการบินตรงจากหลายประเทศ จึงทำให้พัทยา-บางเสร่ กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ สำหรับ ธุรกิจโรงแรมที่จะเกิดขึ้นในตลาดด้านนี้ ภูเก็ตถือเป็นเมืองที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าพัทยาเลย แต่ในแง่ของฐานการลงทุนของฮาบิแทท กรุ๊ป จะมุ่งโฟกัสไปที่กรุงเทพฯ และพัทยาเป็นหลัก สอดรับกับหลักการตลาดในช่วง 3 ปีมานี้ ในภาพรวมของการเติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเมืองพัทยาจะโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 6-7 % ต่อปีจนมีจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งน่าจะมาจากปัจจัยหลัก คือ การเปิดบริการของสนามบินอู่ตะเภา และการขยายเฟสใหม่ของสนามบินสุวรรณภูมิ จึงทำให้พัทยา เป็นทำเลที่ใกล้ที่สุด โดยล้อมรอบไปด้วยนิคมอุตสาหกรรม และเป็นเมืองที่ติดชายทะเล เชื่อมั่นในตลาดเมืองไทย ด้าน นายแพทริค บาสเซ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ แอคคอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนบน และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และมัลดีฟส์ กล่าวว่า ทางแอคคอร์ได้เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยกว่า 30 ปี จึงเชื่อมั่นถึงศักยภาพของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ตที่มีอัตราการเติบโตที่ดี ทั้งในด้านอัตราการเข้าพัก และราคาห้องพัก และด้วยธุรกิจโรงแรมมีต้นทุนการบริหารจัดการที่สูง จึงต้องขายห้องพักในราคาที่สูงด้วย ที่สำคัญทุกวันนี้ภาพรวมของภูเก็ตดีตลอดทั้งปี โดยไม่มีช่วงไฮซีซั่น หรือ โลว์ซีซั่น เพราะฉะนั้นจึงทำให้ตลาดสามารถเติบโตได้ดี ทั้งนี้ในส่วนการลงทุนนั้นทางแอคคอร์โฮเทลได้ตั้งเป้าขยายการดำเนินงานในเอเชียแปซิฟิกเพิ่มเติม โดยวางแผนเปิดโรงแรมใหม่อีก 280 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงแรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 50โรงแรม ส่วนในไทยนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง 13 แห่ง ซึ่งจะทำให้แอคคอร์โฮเทลมีจำนวนโรงแรมเพิ่มจากปัจจุบัน 82 แห่ง เป็น 90 แห่งภายในสิ้นปี 2562 โดยจะมุ่งเน้นการเปิดบริการแบรนด์ใหม่ๆ ที่ในเมืองไทยยังไม่มีใน 2 เซ็กเมนต์ คือ ลักชูรี่แบรนด์ คือ ราฟเฟิลส์ และแฟร์มองต์ ซึ่งทั้งสองแบรนด์นี้อยู่ระหว่างเจรจาทำสัญญาในประเทศไทย ขณะที่ ไลฟ์สไตล์แบรนด์ ได้แก่ ทเวนตี้ ไฟฟ์ฮาวน์ และมาม่า เชลเตอร์ ซึ่งทำสัญญาไปบางส่วน และมีหลายโรงแรมที่น่าจะมีเปิดบริการได้ภายในสิ้นปีนี้ อาทิ ไอบิส สไตล์ รัชดา โนโวเทล เชียงใหม่ เป็นต้น นอกจากนั้นทางแอคคอร์โฮเทล ภายใต้แบรนด์เอ็มแกลเลอรี่ ยังได้ร่วมกับมอนท์เอชัวร์ เปิดตัวเอ็มแกลเลอรี่ เรสซิเดนซ์ แห่งแรกในไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ชื่อ มอนท์เอชัวร์ เลคไซด์ โครงการเรสซิเดนท์ระดับ 5 ดาวขนาด 236 ยูนิตในรูปแบบสตูดิโอ และ 1 ห้องนอนที่เปิดให้เลือกซื้อ และเชื่อมต่อห้องเข้าด้วยกันเป็นชุด พร้อมคลับเฮาส์ และสิ่งอำนวยความสะดวก โดยทางเอ็มแกลเลอรี่รับหน้าที่บริหารงาน และมอบสิทธิพิเศษระดับวีไอพีของแอคคอร์โฮเทลให้กับลูกค้า โดย นายแพทริค กล่าวต่อว่า เวลานี้นักลงทุนเริ่มให้ความสำคัญของการลงทุนในรูปแบบเรสซิเดนซ์มากยิ่งขึ้นทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เนื่องจากศักยภาพที่โครงการได้พัฒนาให้เห็นนั้น สามารถทำกำไรได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังได้รับการดูแลบริหารทรัพย์สิน โดยมืออาชีพ ทำให้สามารถลดปัญหาเรื่องการสูญเสีย หรือเสื่อมสภาพของอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี