เบื้องต้นพบผิด 3 มาตรฐาน ไม่จ่ายค่าธรรมเนียมรายปี-เปิดเกินเวลา-ไม่ยื่นแบบแจ้งหมอ จ่อฟัน!2 กระทงหากใช้หมอเถื่อน เมื่อวันที่ 30 พ.ค.62 ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ก.สาธารณสุขเปิดเผยว่า ตนพร้อมเจ้าหน้าที่สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และกองกฎหมาย กรม สบส.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังมีการแจ้งเหตุผู้รับบริการสลบคาห้องผ่าตัด ระหว่างศัลยกรรมเสริมความงาม ณ คลินิกเสริมความงาม ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเขตจตุจักร โดยมุ่งตรวจสอบในประเด็นสำคัญตามที่กฎหมายสถานพยาบาลกำหนด 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1)มีการขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ 2)ผู้ให้บริการเป็นแพทย์ที่ขึ้นทะเบียน และมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างถูกต้องจากสภาวิชาชีพหรือไม่ และ 3)มาตรฐานด้านสถานที่ การบริการ ยาและเวชภัณฑ์ และความปลอดภัยของสถานพยาบาล เป็นไปตามที่กฎมายกำหนดหรือไม่ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าคลินิกขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลถูกต้อง และดำเนินการตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด แต่ยังพบกระทำผิดมาตรฐานบ้างในเรื่องขาดการชำระค่าธรรมเนียมรายปี เปิดให้บริการสถานพยาบาลเกินระยะเวลาที่ขออนุญาต และแพทย์ผู้ให้บริการไม่ได้ยื่นแบบแสดงความจำนงเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล (ส.พ.6) กับกรมสบส. ซึ่งจะเรียกตัวผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมาเปรียบเทียบปรับ พร้อมสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไปว่าแพทย์ผู้ให้บริการในช่วงที่เกิดเหตุเป็นแพทย์จริงหรือไม่ หากใช้บุคคลอื่นที่มิใช่แพทย์มาให้บริการ ผู้ให้บริการจะมีความผิดตามพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานเป็นหมอเถื่อนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ดำเนินการจะมีความผิดตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทพ.อาคมกล่าวว่า ขอเน้นย้ำให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการ รพ./คลินิกทุกแห่งกวดขันมาตรฐานสถานพยาบาลของตน โดยเฉพาะผู้ให้บริการ ต้องเป็นแพทย์ที่ได้ขึ้นทะเบียนและใบอนุญาตจากแพทยสภาจึงมีสิทธิให้บริการทางการแพทย์หรือเสริมความงามได้ อีกทั้งก่อนจะเริ่มปฏิบัติงานในสถานพยาบาล จะต้องยื่นแบบแสดงความจำนงเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล (ส.พ.6) กับกรมสบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตรวจสอบคุณสมบัติเหมาะสมกับประเภทสถานพยาบาล และเวลาปฏิบัติงานไม่ซ้ำซ้อนกับสถานพยาบาลแห่งอื่น เพื่อการันตีความปลอดภัยแก่ผู้รับบริการ