วันนี้วันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน ๒๕๖๒ พระศรีศากยมุนี(หลวงพ่อโต) พระประธานในพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวราราม หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 วา 1 คืบ เป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในยุคก่อนพุทธศตวรรษที่ 25 เดิมเป็นพระประธานอยู่ในพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ เมืองเก่าสุโขทัย พุทธศิลป์งานช่างสุโขทัย จากข้อมูล “จิตรกรรมรามเกียรติ์ วัดสุทัศนเทพนคร” กล่าวเมื่อครั้งสร้างพระอาราม พระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชยังมิได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัด มีเพียงปรากฏนามวัดในหมายรับสั่งพระราชพิธีขุดรากพระวิหาร เมื่อเดือน 3 พุทธศักราช 2350 ว่า “วัดทำใหม่ ณ เสาชิงช้า” ด้วยบริเวณเสาชิงช้าเป็นที่ตั้งของเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ มีเสาชิงช้าเป็นศูนย์กลางของพระนคร สำหรับรับและส่งเทพเจ้าในพระราชพิธีตรีปวายและตรียัมปวาย ต่อมาปรากฏนามพระอารามในหมายกำหนดการหล่อแก้พระศรีศากยมุนี เมื่อเดือนยี่ พุทธศักราช 2351 ว่า “วัดเสาชิงช้า” ครั้นถึงเดือน 6 ปีเดียวกัน ปรากฏนามพระอารามในหมายกำหนดการก่อรากพระวิหารว่า “วัดมหาสุทธาวาส” การก่อสร้างพระอารามยังไม่แล้วเสร็จ รัชกาลที่ 1 เสด็จสวรรคต ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อ การก่อสร้างพระอารามมาเสร็จบริบูรณ์ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ผูกพัทธสีมาและสมโภชพระอารามในปี พ.ศ. 2390 และพระราชทานนามพระอารามว่า “วัดสุทัศนเทพธาราม” ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแปลงนามพระอารามเป็น “วัดสุทัศนเทพวราราม” และชื่อ “พระศรีศากยมุนี” เป็นชื่อพระราชทาน ส่วนด้านหลังบัลลังก์พระพุทธรูปมีแผ่นศิลาสลัก เป็นศิลปะแบบทวารวดี เป็นรูปสลักปิดทอง ปางยมกปาฏิหาริย์ และปางประทานเทศนาในสวรรค์ เป็นของเก่าและหาดูได้ยาก เข้าใจว่าจะมีอยู่เพียงชิ้นเดียวในโลก (วิกิพีเดีย) บูรพา โชติช่วง เรียบเรียง