เมื่อวันศุกร์ที่ 24 พ.ค.62 พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1(สส) พ.ต.อ.วารินทร์ ทองตรา รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.สมเกียรติ สีมาคุปต์ ผกก.สภ.สามโคกและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวจับกุมนายสมยศหรือรีม วงษ์ไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีที่ จ.65/2562 ลงวันที่ 24 พ.ค.62 และนายสุรชัยหรือริช สุขพลอย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานที่ จ.66/2562 ลงวันที่ 24 พ.ค.62 ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ ร้านขายของชำแสงอรุณเจริญทรัพย์ (เหตุเกิดที่ ร้านแสงอรุณเจริญทรัพย์ ม.6 ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 14 พ.ค.62 เวลาประมาณ 19.30 น.)"พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก 125 สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คันเสื้อยืดสีน้ำเงิน จำนวน 1 ตัว กระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ กางเกงยีนส์ขายาว จำนวน 1 ตัว รองเท้าผ้าใบสีน้ำเงิน จำนวน 1 คู่หมวกนิรภัยแบบเต็มใบ สีขาว จำนวน 1 ใบ เสื้อยืดสีเหลือง จำนวน 1 ตัวกางเกงยีนส์ขาสามส่วน จำนวน 1 ตัว หมวกนิรภัยแบบเต็มใบสีขาวดำ จำนวน 1 ใบ พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่าพฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2562 เวลาประมาณ 19.20 น. คนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊ก125 สีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุชิงทรัพย์ได้ทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้น ,เงินสด จำนวน 2,000 ต่อมาชุดสืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุดังกล่าวคือ นายสมยศหรือรีม วงษ์ไทย และนายสุรชัยหรือริช สุขพลอยจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอศาลจังหวัดปทุมธานีออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการสอบสวนปากคำนายสมยศฯ และนายสุรชัย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่า"ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืนและใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม" สำหรับมูลเหตุจูงใจที่กระทำผิดครั้งนี้มาจากไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้สอยและติดยาเสพติด จึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางส่ง พงส.สภ.สามโคก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย การปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา ซึ่งผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่อุกอาจ เหิมเกริม ก่อเหตุชิงทรัพย์ประชาชนผู้บริสุทธิ์ อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง