บนพื้นที่กว่า 36 ไร่ ในการทำการเกษตรของ คุณออย เจ้าของฟาร์มสุขเล็กๆ ที่มีความสนใจด้านศาสตร์พระราชา ใช้เวลาว่างจากงานหลักที่ทำธุรกิจขนส่งกับบริษัทปูนซีเมนซ์ไทย มาทำเกษตรอินทรีย์ และมีป้าเล็ก ผู้จัดการฟาร์ม คอยดูแลความเรียบร้อยภายในฟาร์ม โดยเริ่มต้นจากการทดลองทำปุ๋ยมูลไส้เดือน ปลูกผักสลัด เข้าประชุมสัมมนาหาความรู้เพิ่มเติมกับหน่วยงานต่างๆ รวมถึงกรมพัฒนาที่ดิน โดยสถานีพัฒนาที่ดินตรัง ที่ได้เข้ามาถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการพัฒนาที่ดินด้านต่างๆ นางจรรยา บริรมยาวงศ์ ผู้จัดการฟาร์ม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่พัฒนาที่ดินเข้ามาดูแลตั้งแต่เรื่องหญ้าแฝก นำมาปลูกบริเวณขอบสระที่เราขุดไว้ และช่วยเอาดินไปตรวจเช็คในเรื่องเกี่ยวกับดินทั้งหมดที่เราจะใช้ในการเพาะปลูก โดยการตรวจวัด วิเคราะห์ แล้วให้แนะนำเพิ่มเติมในส่วนของการปรับปรุงดินก่อนนำมาปลูกต้นไม้ รวมถึงการนำปุ๋ยไส้เดือนไปตรวจคุณภาพก่อนนำมาใช้จนประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ในพื้นที่ของฟาร์มสุขเล็ก มีการแบ่งปลูกพืชชนิดต่างๆอย่างเป็นสัดส่วน ส่วนหนึ่งแบ่งเป็นจุดทำปุ๋ยมูลไส้เดือน ส่วนที่ 2 ปลูกสลัด ส่วนที่ 3 ปลูกพืชผักสวนครัว อย่างเช่น พริก พวกคะน้า กวางตุ้ง และปลูกหมุนเวียนตามช่วงที่ตลาดต้องการ และส่วนที่เป็นโรงเรือนก็ปลูกมะเขือเทศทั้งหมด 5 โรงจะมีการวางแผนการปลูกในแต่ละโรงโดยเว้นช่วงห่างกันประมาณ 25 วันแล้วจึงปลูกโรงถัดไปเพื่อเป็นการหมุนเวียนให้มีผลผลิตพร้อมส่งให้ลูกค้าอยู่ตลอดและป้องกันการเกิดผลผลิตล้นตลาดอีกด้วย ด้าน นายทินกร ชเพชรสุวรรณ เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน สถานีพัฒนาที่ดินตรัง กล่าวว่า ตัวคุณออยและป้าเล็ก เองเขาก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องทำเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมี 100% ทุกสิ่งทุกอย่างวัสดุที่นำมาก็ต้องเป็นวัสดุอินทรีย์ที่เหลือใช้จากการเกษตรซึ่งไม่มีการปนเปื้อนสารเคมีหรือว่าสารกำจัดศัตรูพืชนำมาใช้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งนำมาปลูก และเอามาวางรองก่อนการลงดินเพื่อเป็นการลดต้นทุนและได้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ เช่น ไม้เก่าในสวนก็นำมารองพื้นก่อนลงดินปลูกผักสลัด ในส่วนของสถานีพัฒนาที่ดินตรังได้เข้ามาแนะนำการจัดการดินเนื่องจากดินในพื้นที่ของคุณออย ค่อนข้างเหนียว แน่นทึบ เป็นทรายแป้ง ส่งผลให้การระบายน้ำไม่ดี มีอินทรียวัตถุต่ำ จึงแนะนำให้ทำปุ๋ยหมักทำน้ำหมักชีวภาพและประกอบกับภูมิปัญญาของเจ้าของพื้นที่เองก็นำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไม่ว่าจะเป็นกาบมะพร้าวกับผลมะพร้าวอ่อน มากองสุมรวมแล้วก็กิ่งไม้ใบไม้มาสับก่อนปูเป็นแปลง แล้วก็ใช้ดินใช้ปุ๋ยหมัก ใช้น้ำหมักมาผสมคลุกเคล้าแล้วก็มาปูทำให้เกิดความร่วนโปร่งและนำมาใช้ประโยชน์ตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ผลผลิตของฟาร์มสุขเล็กๆ จะมีคุณภาพดี ราคาขายสูง ไม่ว่าจะเป็น พริก พืชผักสวนครัว มะเขือเทศที่ขายได้ราคาดีถึงกิโลกรัมละ 300 บาท และผักสลัด กิโลกรัมละ 130 บาท โดยในส่วนของผักสลัดจะมีกระดานแขวนบอกรายละเอียดแต่ละแปลงไว้อย่างชัดเจน ทั้งวันปลูกและวันที่ครบกำหนดเก็บผลผลิต จากความมุ่งมั่นในการทำเกษตรอินทรีย์ตามศาสตร์พระราชา ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทั้งหมด ปลูกพืชผักตามความต้องการของตลาด ส่งผลให้วันนี้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจ สร้างรายได้ สร้างความสุข และผู้บริโภคก็เชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า อีกทั้ง ยังเปิดให้คนที่สนใจเรื่องการทำตามศาสตร์พระราชา การทำปุ๋ยมูลไส้เดือนเข้ามาศึกษาดูงานได้อีกด้วย