เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 พ.ค.62 ที่ศาลาปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ร.9 ภายในวัดนาหนอง ต.ดอนแร่ อ.เมืองราชบุรี ได้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างข้อเสนอโครงการ รายละเอียดโครงการขอบเขตการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการประเมินทางเลือก โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง ของบริษัท หินกองเพาเวอร์ จำกัด อ.เมืองราชบุรี ซึ่งตามแผนจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 1,400 เมกกะวัตต์ ในปี พ.ศ.2564 เพื่อทดแทนกำลังการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ ต.หินกอง ที่จะหมดสัญญาปี 63 โดยมีนายวิรัช แก้วใส นายกอบต.ดอนแร่ ผู้นำชุมชน และชาวบ้านจากหมู่ 1- หมู่ 10 ต.ดอนแร่ ประมาณ 80 คน เข้าร่วมประชุมฯ
นางดวงกลม พรหมสุวรรณ ผู้ชำนาญด้านสิ่งแวดล้อม บริษัท คอนซั้ลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด (บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม) ได้บรรยายให้ข้อมูลว่า สืบเนื่องจากโรงไฟฟ้าหลักใน จ.ราชบุรี จะถูกปลดออกจากระบบกำลังการผลิตระหว่างปี พ.ศ.2563-2570 ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าหายไปทั้งสิ้น 5,581 เมกะวัตต์ จึงมีความจำเป็นต้องมีการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าหินกองนี้ขึ้น เพื่อเป็นการทดแทนกำลังการผลิตที่หายไป ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง จะมีกำลังการผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ พัฒนาโครงการโดยบริษัท หินกองเพาเวอร์ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือRATCH ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าเดิม คือบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (สาขาโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ - TECO) เป็นบริษัทในเครือ RATCH เช่นกัน ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า จำนวน 6 ตำบล คือต.หินกอง ต.ห้วยไผ่ ต.เกาะพลับพลา ต.เจดีย์หัก ต.ดอนตะโก และต.ดอนแร่ อ.เมืองราชบุรี เพื่อนำข้อมูลไปจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อนำเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดยโครงการโรงไฟฟ้าหินกองนี้ เกิดขึ้นตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศ ที่จำเป็นต้องจัดสรรให้มีโรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงในภาคตะวันตก
การประชุมนายวิรัช แก้วใส นายกอบต.ดอนแร่ ได้แสดงความคิดเห็นว่าจ.ราชบุรี เป็นจังหวัดที่เสียสละ แต่การจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มอีกชาวบ้านมีความกังวล ราชบุรีมีโรงไฟฟ้าเยอะแล้วทำไมต้องมาสร้างเพิ่มที่ต.หินกองอีก คนราชบุรีใจดีแต่เมื่อมีเยอะแล้ว ทำไมไม่ไปสร้างที่อื่น ทั่วประเทศก็มีหลายจังหวัด อยากให้มองบ้างว่าคนราชบุรีก็มีหัวใจอีกอย่างชาวดอนแร่ก็กังวลเรื่องพืชผลทางการเกษตรจะได้รับผลกระทบ ก็ไม่แน่ใจว่าโรงไฟฟ้าหินกองจะสร้างได้หรือเปล่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วย แต่ก็อยู่ที่ชาวต.หินกองว่าจะเอาอย่างไรเพราะเป็นพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า และวันนี้ก็แค่รับฟังความคิดเห็น ยังไม่ได้เป็นวันตัดสินว่าเอาไม่เอา นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านสอบถามและแสดงความกังวลใจเรื่องของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเยียวยาจากเงินกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าฯ ควรจะให้กับชาวบ้านตามโครงการที่ชาวบ้านต้องการเพื่อชุมชน
ด้านวิทยากรจากบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงว่าที่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าหินกอง เพราะอนาคตกำลังการผลิตไฟฟ้าจะหายไปรวมแล้วกว่า 5,000 เมกะวัตต์ จึงต้องสร้างเพื่อทดแทนกำลังการผลิตที่หายไป ซึ่งโรงไฟฟ้าหินกองจะมีกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าไม่สามารถสร้างได้ทุกที่ เพราะต้องดูลักษณะพื้นที่ๆเหมาะสม เช่นต้องอยู่ไม่ไกลแนวท่อส่งก๊าซ ต้องมีแหล่งน้ำที่ใช้ในระบบเพียงพอ อย่างที่โรงไฟฟ้าหินกอง จะต้องใช้น้ำของแม่น้ำแม่กลองเพื่อหล่อเย็น ส่วนเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ชาวบ้านกังวล ทางโรงไฟฟ้าจะต้องทำตาม อีไอเอ และต้องรายงานผลกับหน่วยงานที่ดูแล หากทำผิดเกินมาจรฐานที่กำหนดไว้ ก็จะมีความผิดกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมีบทลงโทษรุนแรง
นางดวงกลม พรหมสุวรรณ ผู้ชำนาญด้านสิ่งแวดล้อม บริษัท คอนซั้ลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด (บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม) ได้บรรยายให้ข้อมูลว่า สืบเนื่องจากโรงไฟฟ้าหลักใน จ.ราชบุรี จะถูกปลดออกจากระบบกำลังการผลิตระหว่างปี พ.ศ.2563-2570 ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าหายไปทั้งสิ้น 5,581 เมกะวัตต์ จึงมีความจำเป็นต้องมีการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าหินกองนี้ขึ้น เพื่อเป็นการทดแทนกำลังการผลิตที่หายไป ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง จะมีกำลังการผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ พัฒนาโครงการโดยบริษัท หินกองเพาเวอร์ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือRATCH ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าเดิม คือบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (สาขาโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ - TECO) เป็นบริษัทในเครือ RATCH เช่นกัน ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า จำนวน 6 ตำบล คือต.หินกอง ต.ห้วยไผ่ ต.เกาะพลับพลา ต.เจดีย์หัก ต.ดอนตะโก และต.ดอนแร่ อ.เมืองราชบุรี เพื่อนำข้อมูลไปจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อนำเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดยโครงการโรงไฟฟ้าหินกองนี้ เกิดขึ้นตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศ ที่จำเป็นต้องจัดสรรให้มีโรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงในภาคตะวันตก
การประชุมนายวิรัช แก้วใส นายกอบต.ดอนแร่ ได้แสดงความคิดเห็นว่าจ.ราชบุรี เป็นจังหวัดที่เสียสละ แต่การจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มอีกชาวบ้านมีความกังวล ราชบุรีมีโรงไฟฟ้าเยอะแล้วทำไมต้องมาสร้างเพิ่มที่ต.หินกองอีก คนราชบุรีใจดีแต่เมื่อมีเยอะแล้ว ทำไมไม่ไปสร้างที่อื่น ทั่วประเทศก็มีหลายจังหวัด อยากให้มองบ้างว่าคนราชบุรีก็มีหัวใจอีกอย่างชาวดอนแร่ก็กังวลเรื่องพืชผลทางการเกษตรจะได้รับผลกระทบ ก็ไม่แน่ใจว่าโรงไฟฟ้าหินกองจะสร้างได้หรือเปล่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วย แต่ก็อยู่ที่ชาวต.หินกองว่าจะเอาอย่างไรเพราะเป็นพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า และวันนี้ก็แค่รับฟังความคิดเห็น ยังไม่ได้เป็นวันตัดสินว่าเอาไม่เอา นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านสอบถามและแสดงความกังวลใจเรื่องของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเยียวยาจากเงินกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าฯ ควรจะให้กับชาวบ้านตามโครงการที่ชาวบ้านต้องการเพื่อชุมชน
ด้านวิทยากรจากบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงว่าที่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าหินกอง เพราะอนาคตกำลังการผลิตไฟฟ้าจะหายไปรวมแล้วกว่า 5,000 เมกะวัตต์ จึงต้องสร้างเพื่อทดแทนกำลังการผลิตที่หายไป ซึ่งโรงไฟฟ้าหินกองจะมีกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าไม่สามารถสร้างได้ทุกที่ เพราะต้องดูลักษณะพื้นที่ๆเหมาะสม เช่นต้องอยู่ไม่ไกลแนวท่อส่งก๊าซ ต้องมีแหล่งน้ำที่ใช้ในระบบเพียงพอ อย่างที่โรงไฟฟ้าหินกอง จะต้องใช้น้ำของแม่น้ำแม่กลองเพื่อหล่อเย็น ส่วนเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ชาวบ้านกังวล ทางโรงไฟฟ้าจะต้องทำตาม อีไอเอ และต้องรายงานผลกับหน่วยงานที่ดูแล หากทำผิดเกินมาจรฐานที่กำหนดไว้ ก็จะมีความผิดกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมีบทลงโทษรุนแรง