วันที่ 23 พ.ค.62 ที่พรรคอนาคตใหม่ ชั้น 5 ตึกไทยซัมมิท เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่ให้ทำหน้าที่ ส.ส.ว่า ไม่เห็นด้วยกับมติของศาลรัฐธรรมนูญที่มีมติรับคำร้องของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เสนอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าถือหุ้นสื่อในขณะที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่งอาจทำให้ขาดคุณสมบัติ โดยตนเองมีเหตุผลประกอบตามที่นายปิยบตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ได้แถลงเรื่องข้อกฎหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ พร้อมทั้งขอตั้งข้อสังเกตว่าคำร้องของ กกต.ว่ามีความเป็นธรมหรือไม่ มีการพิจาณาอย่างรีบร้อนหรือไม่ และมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากการสืบสวนไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนชุดเล็กของกกต.ยังไม่สิ้นสุดขั้นตอนในการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยยังคงมีการเรียกสืบพยานเพิ่มเติม เหตุใดกกต.ชุดใหญ่จึงเร่งรีบส่งข้อร้องเรียนไปยังศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่รอการไต่สวนของคณะกรรมการชุดเล็กให้พิจารณาเสร็จสิ้นก่อน กรณีดังกล่าวนี้ไม่ใช่กรณีเดียวที่เกิดความผิดปกติกับข้อร้องเรียนของ กกต.เพราะที่ผ่านมากกต.ได้เรียกนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้เป็นมารดาไปให้ปากคำโดยมีหนังสือมาในช่วงบ่ายวันที่ 22 เม.ย.แต่ระบุเวลาที่จะต้องไปให้ปากคำในช่วงเช้าของวันที่ 22 เม.ย.ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จากนั้นก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ตนเองในวันที่ 23 เม.ย.โดยไม่มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริง อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบความเร่งรีบของคดีนี้กับกรณีการตรวจสอบคุณสมบัติของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กรณีที่ภรรยาถือหุ้นในบริษัทเอกชนนั้น พบว่าคำร้องของ กกต.ใช้เวลา 417 วันตั้งแต่การพิจารณาของกกต.ถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่กรณีของตนเองใช้เวลาเพียง 53 วัน จำนวนวันที่แตกต่างคือ 364 วันหรือเกือบ 1 ปี "คำถามคือ ทุกท่านคิดว่าผมได้รับความเป็นธรรมในกรณึนี้หรือไม่ การทำงานขององค์กรอิสระที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติในประเทศไทยเป็นธรรมหรือไม่ ผมขอเรียกร้องต่อสาธารณะช่วยกันตรวจสอบ พิจารณามติ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญร่วมกับผมว่าได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ มีความพยายามที่จะผลักดันเรื่องนี้ให้เร็วกว่าปกติหรือไม่"นายธนาธร กล่าว พร้อมกันนี้นายธนาธรยังยืนยันว่าพร้อมเดินหน้ารวมเสียงพรรคการเมืองต่อต้านการเผด็จการเพื่อผลักดันให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อหยุดยั้ง คสช.ขอชวนทุกคนลุกขึ้นยืนต่อสู้ร่วมกันเพื่อทวงคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคมไทย