แนะสังเกตอาการจำสั้นๆ FAST Face ชา-หน้าอ่อนแรง ตามัวเห็นภาพซ้อน Arm แขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง Speech r ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด Time ต้องรีบนำส่งรพ.ให้เร็วที่สุดใน 4 ชม.ครึ่ง เพื่อช่วยลดเสียชีวิตและพิการ เพราะทุก 1 นาทีหมายถึงเซลล์สมองจะตาย 1 ล้านเซลล์ เสี่ยงสูงพิการ พร้อมแนะแนวทางลดความเสี่ยง นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคหลอดเลือดสมอง มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดยประเทศไทยพบโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งและโรคหัวใจตามลำดับ และยังพบว่าเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดของโรคทางระบบประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและความพิการหากประชาชนรู้จักดูแลตนเองและหมั่นสำรวจความผิดปกติของร่างกายอยู่เสมอจะสามารถป้องกันและลดความรุนแรงของโรคดังกล่าวได้ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง อายุที่มากขึ้น การสูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสม และภาวะน้ำหนักเกิน พญ.ไพรัตน์ แสงดิษฐ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา กล่าวเว่า อาการเตือนสำคัญที่สังเกตได้ด้วยตนเองตามหลัก FAST คือ F = Face ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้า ตามัวเห็นภาพซ้อนหรือเห็นครึ่งซีก A = Arm อาการแขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง S=Speech ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดลำบาก และ T= Time เวลาที่ต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดภายใน 4 ชั่วโมงครึ่ง อาการเหล่านี้มักเกิดอย่างเฉียบพลันในรายที่มีภาวะสมองขาดเลือดแบบชั่วคราว อาจเกิดขึ้นชั่วขณะแล้วหายไปเอง หรืออาจเกิดขึ้นหลายครั้ง ก่อนจะมีอาการสมองขาดเลือดอย่างถาวร สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยต้องสังเกตอาการข้างต้นและรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดจะช่วยลดการเสียชีวิตและความพิการได้ เนื่องจากเซลล์สมองขาดเลือดเพียง 1 นาที จะมีเซลล์สมองตายประมาณ 1 ล้านเซลล์ ถ้าได้รับการรักษาช้าอาจทำให้เกิดความพิการมากขึ้น สำหรับแนวทางเพื่อลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัดไขมันสูง ควบคุมระดับความดันโลหิต ไขมันและน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบหรี่ รวมถึงตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยง           ดังนั้น ประชาชนควรตระหนักและมีความรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และตลอดจนอาการเบื้องต้นของโรค หากผู้ที่เป็นโรคนี้อยู่แล้วควรรักษาและรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ปฏิบัติตัวตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด และรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและความพิการ