วันที่ 20 พ.ค.62 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี วัยรุ่นยกพวกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ภายในบริเวณโรงพยาบาลสมเด็จพยุพราชเลิงนกทา เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายในสื่อออนไลน์ ภายในเขต พื้นที่ สภ.เลิงนกทา ภ.จว.ยโสธร ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.เลิงนกทา ภ.จว.ยโสธร ว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ได้รับแจ้งเหตุ มีชายถูกทำร้ายเป็นเหตุได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไป บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินภายในโรงพยาบาลสมเด็จพยุพราชเลิงนกทา ต.สวาท อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร เบื้องต้นพนักงานสอบสวน พร้อมชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อภายหลังคือนายแสนชัย จันดี อายุ 59 ปี อยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์
จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2562 มีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟประจำปี หลังจากเลิกงานเวลาประมาณ 01.30 น. ได้มีเหตุสมัครใจทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน ระหว่างกลุ่มวัยรุ่นสองกลุ่ม เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย จากนั้นมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวทั้งสองส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการรักษา ต่อมาเวลาประมาณ 03.00 น. ในระหว่างที่ทั้งสองคนเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉินภายในโรงพยาบาลสมเด็จพยุพราชเลิงนกทา มีกลุ่มญาติของทั้งสองฝ่ายมาเยี่ยมที่บริเวณถนนทางขึ้นด้านหน้าห้องฉุกเฉิน โดยมีผู้ต้องหาซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้พบกับนายแสนชัย เพื่อนของคู่กรณีอีกฝ่าย ซึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมเช่นเดียวกัน จากนั้นใช้กำลังเข้าชกต่อยที่บริเวณใบหน้าจำนวน 1 ครั้ง ทำให้นายแสนชัย ล้มลง ได้รับบาดเจ็บและได้วิ่งหลบหนี ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มญาติของนายแสนชัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่อยู่บริเวณนั้น วิ่งเข้าไปช่วยกันสกัดกั้นไล่จับตัวผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหานั้นสามารถหลบหนีไปได้ ภายหลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้สอบคำพยานและรับคำร้องทุกข์ไว้ตามกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนั้นได้ลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ รวมถึงตรวจสอบรวบรวมข้อมูลกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะนี้ได้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบทรัพย์สินโรงพยาบาลเสียหายแต่อย่างใด
ความคืบหน้าวันที่ 20 พฤษภาคม 2562 เวลาประมาณ 09.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายคณิน คูพรรคสกุล อายุ 26 ปีผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ซึ่งให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นจึงได้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการรวบรวมพยานหลักฐานในการออกติดตามตัวผู้ต้องหา จนกระทั่งสามารถนำตัวมารับโทษตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้ยังได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่มีมาตรการในการป้องกันเหตุในลักษณะนี้ การออกตรวจตรา การบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทุกคดี ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม ตามหลักกฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ และต้องสามารถนำผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็ว เพื่อเยียวยาความเสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและสังคม
