หอการค้าไทยปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้เหลือโต 3.5% จากเดิมคาด 3.8%, ส่งออกเหลือโต 0.5% จากเดิม3.9% กังวลสงครามการค้าไร้ทางออก-ยืดเยื้อยาวนาน-ตั้งรัฐบาลยังไม่ได้ รอลุ้นหน้าตาครม.เศรษฐกิจชุดใหม่สร้างความเชื่อมั่นดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้ประเมินปัจจัยที่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 2562 ซึ่งมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยประเมินว่า สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีแนวโน้มที่ยืดเยื้อกว่าที่คาดการณ์ไว้ เศรษฐกิจของประเทศจีนประสบปัญหาการชะลอตัว ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่ผันผวน รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยศูนย์ฯได้มีการปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศปีนี้ลงเหลือร้อยละ 3.5 จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 3.8 การส่งออกของประเทศเหลือขยายตัวร้อยละ 0.5 จากคาดการณ์เดิมร้อยละ 3.9 อัตราเงินเฟ้อขยายตัวร้อยละ 0.8 อย่างไรก็ตามมองว่า ปัจจัยบวกที่ยังส่งผลดีกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้คือความคาดหวังที่จะมีการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ การลงทุนของภาคเอกชนที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐมีโอกาสที่จะเร่งตัว รวมถึงธนาคารกลางทั่วโลกชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้รัฐบาลใหม่จำเป็นที่จะต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไว้ให้ได้ในระดับหนึ่ง เพราะจะมีผลต่อการทำงานเพื่อให้ยังสามารถตัดสินใจและสานต่อนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงรักษาความเชื่อมั่นของการท่องเที่ยวภายในประเทศไว้ให้ได้ หากการเมืองไม่มีเสถียรภาพจะส่งผลทำให้เกิดการชุมนุมนอกสภา มีผลเสียกับการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศไว้ "ขณะนี้ทางศูนย์พยากรณ์ มั่นใจว่า นโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่จะสามารถเดินหน้าได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ของปี หลังจากมีนายกฯและมีคณะรัฐมนตรีที่ชัดเจนเข้ามาบริหารประเทศแล้ว โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 3.8"