โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา วันที่ 22 พ.ค. พร้อมโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง250สว. "ปรีชา" น้องนายกฯ มาตามนัด "อดีตรมต.-อดีตสนช.-สปท."เพียบ มือปราบจำนำข้าว "จิรชัย-ดวงพร" โผล่ร่วม ด้าน "บิ๊กป้อม" บอก 250 ส.ว. มีเพื่อนสนิทแค่"บิ๊กกี่" คนเดียว ส่วน "บิ๊กตู่" ฮัมเพลงอารมณ์ดี บอกตอบไม่ได้ "บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก" ร่วมรบ.หน้า เหตุยังไม่ใช่นายกฯ คนใหม่ บ่นเบื่อข่าวพรรคร่วมไม่พอใจจัดโควต้า ย้ำไม่เคยยุ่ง เจอเบรก เปรียบ ส.ว.ไม่ต่างสภาผัว-เมีย งัดผลงานโบแดงโต้ รัฐบาลออกกฎหมายกว่า 500 ฉบับ ใครเคยทำได้ "สุวิทย์" โผล่ทำเนียบฯ มาจิบกาแฟห้อง "สมคิด" คาดถกตั้งรัฐบาล ขณะที่"ชทพ."รอพรรคใหญ่เคลียร์จบ ร่วมตั้งรบ.ชัวร์ "ธนาธร"แจง 3 เหตุผลชวนพรรคการเมืองต้านคสช.สืบทอดอำนาจ "เอื้อทุนใหญ่-รวบอำนาจ-ริดรอนสิทธิ" ปลุก 500 ส.ส.ปิดเกมที่สภาล่าง ระบุถูกกกต.ขโมย 7 เสียง แต่ไม่เป็นศัตรูกับ 11 พรรคเล็ก ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14พ.ค.62 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่างอารมณ์ดี พร้อมร้องเพลง ก่อนกล่าวว่า "สวัสดีนะครับ วันนี้เป็นวันดี ศรีสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล" ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลา โหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รวมอยู่ด้วย จริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่นายกฯ ในรัฐบาลใหม่ เพราะคนที่ตั้งรัฐบาลและครม.ต้องเป็นนายกฯ เมื่อยังไม่ได้เป็น ก็พูดอะไรไม่ได้ ทุกอย่างเป็นเรื่องของนายกฯ คนใหม่ ซึ่งจะมาหลังเปิดสภา แต่ตอนนี้ ยังไม่ได้ตั้งประธานสภา จึงยังไม่ได้เลือกนายกฯ แล้วตนจะไปตอบแทนใครได้ เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีกระแสข่าวว่าพรรคร่วมไม่พอใจการจัดสรรตำแหน่ง ครม.ของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกเบื่อหน่อย ส่วนข่าวที่ว่ายังไม่ทันตั้งรัฐบาล ก็มีการต่อรองเกิดขึ้นแล้วนั้น ย้ำว่าวันนี้ตนยังไม่ได้เป็นนายกฯในรัฐบาลใหม่ การตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองและนักการเมืองดำเนินการอยู่แล้ว วันนี้ตนให้เกียรติทุกคน เพราะทุกคนได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ตนเคารพเสียงประชาชนและให้เกียรตินักการเมืองทุกคน แต่ถ้าพูดกันไปมาจนเลวร้ายไปทั้งหมด ก็จะไม่เกิดอะไรที่ดีต่อประเทศ ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะไม่มีความสุข ต่างประเทศจะขาดความเชื่อมั่น จึงไม่รู้ว่าจะนำเสนอกันไปทำไม คนนี้พูดอย่างคนนั้นพูดอย่าง เหมือนการตีลูกปิงปอง ท้ายที่สุด ก็ไม่ได้อะไร ขึ้นมา "วันนี้ขอเอาเรื่องสำคัญมาพูดคุยกันดีกว่า ขอร้องอย่าทำอะไรให้บ้านเมืองเสียหายอีกเลย ขอร้องสื่อว่าอย่านำการพูดไปขยายความ เพราะหลายคนไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยก็จะวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป ทำให้วุ่นวายกันไปหมด ผมเองหรือรองนายกฯ ก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น ไม่มีส่วนร่วมอะไร ที่จะต้องไปจัดตั้งรัฐบาล เพราะยังไม่เป็นนายกฯ หรือรองนายกฯ วันนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ก็ต้องให้เกียรติเขา เมื่อเขาตั้งใจเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง และหลายคนที่ผมได้ฟังแนวคิดและนโยบายก็ดีทั้งนั้น แต่ที่สุดแล้วก็แล้วแต่ประชาชน และการประชุมของ 2 สภาที่จะว่ากันไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ไม่ว่าจะเขียนเฟซบุ๊กหรือโซเชียลให้รุนแรงหรือไม่รุนแรง จะชมหรือว่ากันไปมา แต่ไม่มีประโยชน์อะไรกับประเทศทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในการเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ทุกคนคาดหวังว่าเราจะมีรัฐบาลที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง และเมื่อได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนแล้ว ก็อยากให้มันทำได้อย่างที่พวกเราพยายามทำมาตลอด 5 ปี และไม่อยากให้หลายอย่างเกิดขึ้นมาแบบเดิมอีก ทั้งนี้นายกฯ ก็ไม่ได้ไปให้ร้ายใคร เชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจเช่นเดียวกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินออกจากโพเดียมและหยุดให้สัมภาษณ์ ซึ่งผู้สื่อข่าวถามได้พยายามถามว่ารายชื่อสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ที่ประกาศออกมานั้น ล้วนเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดนายกฯและรองนายกฯ จนเปรียบว่าไม่ต่างจากสภาผัวเมีย ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ที่เดินจนเกือบพ้นประตูตึกบัญชาการ 1 ได้หันกลับมาตอบว่า ให้ลองไปเปรียบเทียบดูว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีการออกกฎหมายได้มากน้อยแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาออกกฎหมายได้กว่า 500 ฉบับ แต่สมัยก่อนออกได้กี่ฉบับ จะไปเปรียบเทียบกันไม่ได้ ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ก่อนการประชุม ครม.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางเข้ามาทำเนียบฯ เพื่อพบ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ท่ามกลางกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคพปชร. โดยคาดว่ามาหารือในเรื่องดังกล่าวให้ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตามนายสุวิทย์กล่าวว่า มาดื่มกาแฟเท่า นั้น ไม่เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล เพราะการจัดตั้งรัฐบาล ต้องเป็นไปตามครรลอง เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายสุวิทย์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นตนเท่านั้น เพราะมีคนอื่นที่มีความสามารถอีกมาก เชื่อว่ารัฐบาลใหม่คงเลือกคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ ส่วน นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงความชัดเจน ในการร่วมรัฐบาลว่า เรื่องนี้ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคฯจะเป็นผู้ดำเนินการ รวมทั้งต้องรอความชัดเจนจากพรรคใหญ่ มากกว่านี้ และยืนยันว่าพรรคฯ ไม่เคยมีการต่อรองกระทรวงใดๆ ในการเข้าร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่า พรรคฯมีแนวโน้มจะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพปชร.ใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คงต้องไปถามหัวหน้าพรรคฯ แต่การจะไปอยู่ฝ่ายใด ต้องรอความชัดเจนจากพรรคใหญ่ให้เจรจากันลงตัวก่อน ทางด้าน นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยพยายามติดต่อจะให้การสนับสนุนผู้ที่เสนอตัวเป็นประธานสภาฯ ของพรรค พปชร.รายหนึ่ง โดยแลกกับการหาเสียงมาสนับสนุนจากพรรค พปชร.ให้ได้อีก 10 ถึง 20 เสียง ก็จะได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ ว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่อย่างใด และขอย้ำว่าพรรคทำงานการเมืองบนหลักการและตามครรลองประชาธิปไตยตลอดมาและให้ความสำคัญต่อคุณสม บัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ จึงเชื่อว่าการปล่อยข่าวในทางเสียหาย น่าจะเป็นแผนทำลายพรรค เพื่อไทยและฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อหวังสืบทอดอำนาจของกลุ่มอำนาจเดิม ที่พรรคอนาคตใหม่ อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงถึง 3 เหตุ ผลที่พรรคอนาคตใหม่เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. ว่า 3 กรณีศึกษาคือ 1. มีการใช้ภาษีของประชาชน เอื้อกลุ่มทุนใกล้ชิด คสช. เช่น การบินไทยมีแผนซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำ 1.5 แสนล้านบาท ทั้งที่เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ขาดทุน 1.2 หมื่นล้านบาท และยังมีหนี้สะสมอยู่ 1.5 แสนล้านบาท กลายเป็นภาระผูกพันไปยังรัฐบาลหน้าและ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีการออกม.44 เอื้อกลุ่มทุนโทรคมนาคมและดิจิทัลทีวี รวมกว่า 23,6664 ล้านบาท ซึ่งมีกลุ่มทุนใหญ่เพียงไม่กี่กลุ่มที่ได้ประโยชน์ แทนที่เงินกว่า 2.3 หมื่นล้านบาทสามารถนำไปซื้อรถเมล์ไฟฟ้าได้ 2,366 คน เครื่องฟอกไต 39,440 เครื่อง ส่งนักเรียน ม.6ปีนี้เรียนจบ ป.ตรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ 110,000 คน ล่าสุดกำลังดำเนินการจัดทำสัมปทาน ดิวตี้ฟรีสนามบินเอื้อกลุ่มทุนเดิม ที่พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 32 เท่า ใน 12 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยเติบโต 2.5 เท่าทุกๆปี นายธนาธร กล่าวว่า 2.ทำให้การกระจายอำนาจถอยหลัง ดึงอำนาจกลับสู่รัฐส่วนกลาง รัฐราชการที่ใหญ่โตเทอะทะ ชุดกฎหมายท้องถิ่น 6 ฉบับที่ออกมาหลังเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา สำหรับอนาคตใหม่กฎหมายเหล่านี้เป็นโทษต่อประเทศอย่างร้ายแรง ประการที่สาม ลดความสำคัญของการเลือกตั้ง มีการยกเลิก ส.ข.ที่สำคัญผู้ว่า กทม.และพัทยา 3.การลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จากกฎหมายอีก 2 ฉบับ คือพ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และพ.ร.บ.ข่าวกรองแห่งชาติ ที่ออกมาระหว่างก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง มีเนื้อหาลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน แต่เพิ่มอำนาจให้รัฐบาลแฮ็กและตรวจสอบโซเชียลมีเดียประชาชนได้ "นักการเมืองที่ไปสนับสนุนต้องประณามไม่ใช่แค่คอรัปชั่น แต่ต้องประณามนักการเมืองที่สนับสนุนการรัฐประหารด้วย ต้องใช้เวลาอีกกี่ปีประเทศไทยถึงจะกลับไปเป็นแบบปี 2548 ได้อีก เพราะตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมาประเทศไทยดิ่งเหวมาโดยตลอด นี่สาส์นที่ผมอยากส่งไปถึงทุกพรรค" เมื่อถามว่า หากไม่ได้เป็นรัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า ถ้าไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จแก้ไข ก็ต้องใช้กลไกรัฐสภา ตั้งกระทู้ เสนอญัตติอภิปราย มีส.ส.มากกว่า 20 คน เสนอกฎหมายได้ ผลักดันวาระผ่านการเป็นกมธ.ต่างๆได้ ต่อให้ไม่มีอำนาจบริหารในการแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง แต่เรามีช่องทางปกป้องผลประโยชน์และสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้ เมื่อถามว่า คาดหวังอย่างไรต่อการจัดตั้งรัฐบาล นายธนาธร กล่าวว่า คาดหวังกับการเมืองทุกคนทุกพรรคการเมือง สิ่งที่จะเกิดขึ้นใน 7 วันข้างหน้า จะตัดสินอนาคตประเทศ คือเรื่องใหญ่มากกว่าตัวใครคนหนึ่ง การตัดสินใจของส.ส.500 คนจะกำหนดอนาคตของประเทศ ถ้าคสช.สืบทอด อำนาจได้ ไม่รู้จะได้ประชาธิปไตยกลับมาเมื่อไร "ผมไม่ได้คาดหวังกับพรรคสองพรรค แต่คาดหวังกับคนที่เรียกตนเองว่าเป็นส.ส.ทุกคน เราถอยหลังกลับมา เพราะการตัดสินใจของคน 7 คน เปลี่ยนทิศทางของประเทศไปทันที เราจึงต้องมาวิ่งหามันว่า จะก้าวข้ามเส้น250 ได้อย่างไร จึงต้องเอาชนะที่สภาล่างเพื่อความชอบธรรมก่อน ถ้าสู้สภาล่างไม่จบ ส.ว.ก็จะเข้ามาอีก และอย่าลืมว่ายังมีกลไกของศาลรัฐธรรมนูญอีก นี่คือการเดินทางที่ยากลำบากเดินทางขึ้นเขา แต่ถ้าไม่เริ่มวันนี้อีก 10 ปีก็ไม่ถึงเสียที" เมื่อถามถึง การสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯจากพรรคขั้วที่ 3 อย่างประชาธิปัตย์หรือภูมิใจไทย นายธนาธร กล่าวว่า รอบแรกแคนดิเดตนายกฯมี 7 คน คือ พรรคเพื่อไทย 3 คน, นายธนาธร ,นายอภิสิทธิ์ ,นายอนุทิน และคุณลุง ไม่มีคนอื่น ถ้าตกลงร่วมกันว่าการสืบทอดอำนาจไม่ควรจะเกิดขึ้น แล้วมาคุยกันใครเป็นฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายใดรวมเสียงเกิน 251 เสียง ใครเหมาะสมนายกฯก็เป็นเลย อย่างแรกต้องยืนยันก่อนว่าไม่เอาการสืบทอดอำนาจ ต่อข้อถามว่า หาก 11 พรรคเล็กร่วมกับพปชร.ได้เป็นรัฐบาล เพื่อไทยและอนาคตใหม่ต้องเป็นฝ่ายค้าน นายธนาธร กล่าวว่า ยังไม่อาจสรุปได้ ฝ่ายต่อต้าน คสช.มี 245 เสียง ถ้ามีนายอนุทินเข้ามารวมเป็น 290 กว่า พปชร.ก็บอกพรรคอื่นๆอีก แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่โหวตใคร จะโหวตนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก็ต้องไปรอบสอง เพราะไม่มีใครเกิน 250 เสียงเลย ต้องใช้ส.ว. มีความเป็นไปได้ทุกทางตอนนี้ ขอยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับ 11 พรรค เพราะคนที่แย่งคะแนนอนาคตใหม่ไป 6 แสนคะแนนคือ กกต. ตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับ 11 พรรค ไม่ได้ติดใจอะไร ในเรื่องนีเราต้องเรียกร้องความเป็นธรรมจากกกต.ต่อไป วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา ตามมาตรา 269 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย(อ่านต่อได้ที่ https://siamrath.co.th/n/79402) ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2562พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ณ วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เป็นปีที่ 4ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 24มี.ค.พ.ศ.2562 แล้ว และตามความในมาตรา 121 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้มี การเรียกประชุมรัฐสภาภายในสิบห้าวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป โดยให้ถือเป็นวันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 121 มาตรา 122และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 22พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประกาศแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามมาตรา 269 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย จำนวน 250 รายชื่อ ครั้งนี้ พบว่ามีทั้งอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ( สนช.)ที่เพิ่งลาออก มาเป็นสว.ด้วยกันหลายคน อาทิ นายพรเพชร วิชิตชลชัย , นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย , นายพีระศักดิ์ พอจิต , นายสมชาย แสวงการ, พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม , นายวันชัย สอนศิริ , นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ , พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ นายตวง อันทะไชย นอกจากนี้ ยังมีชื่อของ อดีตรัฐมนตรีที่ลาออกจากตำแหน่ง มีชื่อครบถ้วนทั้ง 15 คน รวมถึงอดีตรัฐมนตรีที่ถูกปรับออกไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีอดีตสมาชิก คสช. ตลอดจนมีรายชื่อของอดีต สนช. และ สปช. และ สปท. จำนวนมากด้วย รวมทั้งยังมีชื่อของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมถึงความเหมาะสม ในส่วนของอดีตรัฐมนตรีที่ได้ลาออก นั้นก็ปรากฎว่ามารับตำแหน่งสว.ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ อดีตรองนายกรัฐมนตรี , พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย อดีตรมว.ศึกษาธิการและอดีตรองหัวหน้า คสช. , นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และที่ปรึกษาส่วนตัวด้านความมั่นคงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ , พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และอดีตรองหัวหน้า คสช. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม , พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายสม จาตุศรีพิทักษ์ พี่ชาย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี , พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต รมว.แรงงาน , พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) , พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นอกจากนี้ ยังมีสองอดีตข้าราชการที่มีส่วนสำคัญในคดีโครงการรับจำนำข้าว อาทิ นายจิรชัย มูลทองโร่ย อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว นางดวงพร รอดพยาธิ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่ดูแลเรื่องการระบายข้าวที่ค้างในสต็อก ในส่วนของบุคคล ในบัญชีสำรอง อีก 50 คน ยังมีชื่อของ นายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นักจัดรายการทางยูทูปช่องวิหคนิวส์ ตอบโต้กับกลุ่มคนเสื้อแดง ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ตอบคำถามกรณีรายชื่อ ส.ว.ที่ประกาศออกมามีสัดส่วนอดีตนายทหารจำนวนมากเมื่อถามว่า ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดของพล.อ.ประวิตร ทำให้พล.อ.ประวิตรย้อนถามกลับผู้สื่อข่าวด้วยเสียงสูงว่า "ที่ไหน" สื่อจึงตอบกลับว่า พล.อ.นพดล อินทปัญญา เพื่อนสนิท พล.อ.ประวิตร จึงตอบว่า "แค่คนเดียว" เมื่อสื่อถามย้ำว่า มีหลายคน พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ก็เป็นคนเก่า เมื่อถามอีกว่า พรรคการเมืองรณรงค์ปิดสวิต ส.ว. ในการเลือกนายกฯ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถามดังกล่าวและขึ้นรถออกไปทันที