ได้เวลาเปิดคูหา ให้ประชาชาวตากาล็อก ได้กาบัตรกันอีกคำรบแล้ว สำหรับ การเลือกตั้งทั่วไปกลางสมัย หรือกลางเทอม ในวาระที่ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ดำเนินการบริหารปกครองประเทศมาได้ 3 ปี อันเป็นช่วงเวลาครึ่งหนึ่ง หรือครึ่งทาง ของการดำรงตำแหน่งข้างต้น ก็คล้ายๆ กับระบบการเมืองของสหรัฐอเมริกา เพราะฟิลิปปินส์เคยเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ กันมาก่อน ที่เมื่อถึงครึ่งทางของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแต่ละสมัย ก็จะมีเลือกตั้งกลางเทอมในลักษณะนี้เช่นกัน โดยต่างกันแต่เพียงว่า ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ มีวาระการดำรงตำแหน่งครั้งละ 4 ปี และสามารถเป็นได้ 2 สมัย หากได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีก ส่วนประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ มีวาระ 6 ปี แต่เป็นได้เพียงสมัยเดียวเท่านั้น โดยประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถิ่นตากาล็อก คนปัจจุบัน ก็มิใช่ใครที่ไหนอื่นๆ แต่เป็น “โรดริโก ดูเตร์เต” นักการเมืองสายห้าว จอมสร้างสีสัน ด้วยวาทกรรมต่างๆ คล้ายๆ กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จนได้รับฉายา “ทรัมป์แห่งเอเชีย” กันเลยทีเดียว ซึ่งเขาได้เข้าสู่ “ทำเนียบมาลากันยัง” อันเป็นทำเนียบประธานาธิบดี ในกรุงมะนิลา ในฐานประธานาธิบดี ผู้มีชัยในศึกเลือกตั้งเหนือคู่แข่งรายอื่นๆ มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2559 หรือเมื่อเกือบ 3 ปีทีแล้ว เป็นต้นมา ส่วนการเปิดคูหา ให้ปวงประชาตากาล็อก ได้หย่อนบัตรเลือกตั้งกลางเทอม ก็มีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา จำนวนทั้งสิ้นกว่า 85,000 คูหา หรือหน่วยเลือกตั้ง ทั่วประเทศ ให้ประชาชนพลเมือง ที่มีสิทธิ์มีเสียงในการเลือกตั้ง จำนวนเกือบ 62 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่เป็นสุภาพสตรี ได้ไปเลือกบรรดาผู้สมัครับเลือกตั้งทั้งสมาชิกรัฐสภาและการเลือกตั้งท้องถิ่น อันประกอด้วย วุฒิสมาชิก หรือ ส.ว. และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. ตลอดจนนายกเทศมนตรี รวมแล้ว 43,500 คน ด้วยกัน ทั้งนี้ หน่วยเลือกตั้ง ก็จะเปิดให้ประชาชนได้ไปกาบัตรกันตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 05.00 น. ตามเวลาในไทย และจะปิดคูหาเลือกตั้งในเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 17.00 น. ตามเวลาในไทย ประชาชนเข้าแถวใช้สิทธิเลือกตั้งกลางสมัย ที่หน่วยเลือกตั้งแห่งหนึ่งในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งกว่าจะทราบ อาจต้องใช้เวลารวบรวมและนับคะแนนกว่าจะเสร็จกันพอสมควร เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของฟิลิปปินส์ เป็นเกาะแก่งต่างๆ ถึง 7,641 แห่ง โดยประเมินว่า อาจต้องใช้เวลาราว 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน เป็นอย่างน้อยกว่าจะทราบผล ท่ามกลางความคาดหมายของทางการฟิลิปปินส์ โดยคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง ที่ระบุว่า ว่า อาจจะมีประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้งถึงร้อยละ 78 ด้วยกัน ซึ่งก็ต้องถือว่า เป็นตัวเลขที่สูงไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะขนาดการเลือกตั้งของไทยที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็อยู่ที่ร้อยละ 65.96 หรือเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ที่ว่ากันว่า มีผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งสูงสุดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ก็ยังไม่ถึงร้อยละ 51 เลยด้วยซ้ำ คือ เพียงแค่ร้อยละ 50 กว่าๆ เท่านั้น ขณะที่ ในส่วนของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่เป็นระดับ “บิ๊กเนม” สำหรับการเลือกตั้งกลางสมัยครั้งนี้ ก็ได้แก่ นางซารา ดูเตร์เต บุตรสาวของประธานาธิบดีดูเตร์เต วัย 40 ปี ซึ่งลงเลือกตั้ง เพื่อรักษาตำแหน่ง “นายกเทศมนตรีเมืองดาเวา” ที่บิดาเคยดำรงตำแหน่งมาเก่าก่อน และเป็นการปูทางที่จะนำไปสู่การชิงชัยเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2565 ด้วย หากแผนการบางประการของประธานาธิบดีดูเตร์เตไม่สัมฤทธิ์ผล ส่วนนายเซบาสเตียน ดูเตร์เต บุตรชายคนสุดท้องของประธานาธิบดีดูเตร์เต ลงชิงตำแหน่ง “รองนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา” ที่คาดหมายว่า “นอนมาอย่างไร้คู่แข่ง” นอกจากนี้ ก็ยังมีนายเปาโล ดูเตร์เต บุตรชายคนโตของประธานาธิบดีดูเตร์เต ที่ลงชิงเลือกตั้ง ส.ส. ว่ากันถึง ความได้เปรียบ เสียเปรียบของบรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งหนนี้ บรรดานักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะว่า เหล่าผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เป็นพันธมิตร หรือที่เป็นฝ่ายสนับสนุนต่อประธานาธิบดีดูเตร์เต มีแนวโน้มที่จะได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของนายดูเตร์เต โดยวัดเปรียบเทียบกันได้จากคะแนนนิยมของประธานาธิบดีดูเตร์เต ซึ่งสำรวจความคิดเห็น หรือการจัดทำโพลล์ของสำนักต่างๆ เช่น “โซเชียล เวทเธอร์ สเตชัน” เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่า คะแนนนิยมของเขาทะยานพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 81 เหตุปัจจัยก็มาจากพลเมืองชาวตากาล็อก ต่างให้ความชื่นชอบในผลงานที่ต้องบอกว่า ถึงลูกคนถึง ในหลายๆ เรื่อง เช่น การปราบปรามขบวการยาเสพติด หรือที่เรียกว่า การฆ่าตัดตอนพวกแก๊งยานรก และทำให้เศรษฐกิจของประเทศ เจริญเติบโตถึงร้อยละ 6.8 ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา จนถือเป็นหนึ่งในประเทศของภูมิภาคอาเซียนที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เติบโตร้อนแรงที่สุดประเทศหนึ่ง โดยผลพวงจากคะแนนนิยมของประธานาธิบดีดูเตร์เตเหล่านี้ ก็จะพลอยทำให้กลุ่มนักการเมืองพันธมิตรของเขาได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้งกลางสมัยครั้งนี้ด้วยว่า จะทำให้พวกเขาได้รับเลือกตั้งเข้าสภา ทั้ง ส.ว. ส.ส. และตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นต่างๆ รวมถึงนายกเทศมนตรีด้วย ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต แห่งฟิลิปปินส์ กับความเด็ดขาดในการปราบปราบขบวนการยาเสพติดในประเทศ ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งกลางเทอมที่อาจออกมาด้วยผลลัพธ์ข้างต้น ก็มีความสำคัญต่อประธานาธิบดีดูเตร์เตเป็นอย่างยิ่ง ที่จะหมายใจให้เป็นพลังขับเคลื่อนในการแก้ไขกฎหมายหลายประการด้วยกัน ได้แก่ แก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้อีกสมัยหนึ่ง มิใช่เพียงวาระเดียว รวมถึงการนำโทษประหารชีวิตที่ยกเลิกไปในครั้งที่สองเมื่อปี 2549 กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง เพื่อกวาดล้างขบวนการยาเสพติด ที่เขาหมายมั่นล้างบางให้หมดสิ้นไปบนแผ่นดินตากาล็อกให้จงได้