เกษตรจังหวัดเชียงราย เตือนปลูกกัญชาทำตามกฎหมาย​ ย้ำต้องเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเท่านั้น ขณะที่เครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาฯ พร้อมนำเชื่อมโยงทำ MOU กับ มหาวิทยาลัยของรัฐ วันนี้ (9 พฤษภาคม 2562) ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย นายพรศักดิ์ นันตะรัตน์ เกษตรจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการ "องค์ความรู้ด้านกัญชากับการรักษาโรค(ยากัญชา)" โดยมี ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย ผศ.ดร.อานนท์ แสนน่าน ผอ.ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย นายสมชัย แสงทอง รอง ผอ.ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนากัญชาฯ พท.กฤตนัน พันธุ์อุดม กรรมการสภาแพทย์แผนไทย รองประธานเครือข่ายฯ และ นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ร่วมเป็นวิทยากร นายพรศักดิ์ นันตะรัตน์ เกษตรจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย ได้รับหนังสือแจ้งเตือนมาว่า มีการเข้าใจผิดของเกษตรกรเกี่ยวกับการปลูกกัญชาในพื้นที่ จังหวัดพะเยา เชียงราย เชียงใหม่ และลำพูน ว่าเกษตรกรปลูกได้ แต่การปลูกกัญชา ต้องทำตาม พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกัญชา 2562 โดยเป็นกลุ่มวิสากินชุมชน หรือ สหกรณ์ เท่านั้น อยากฝากเตือนที่เกษตรกรที่จะขอปลูกต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ระบุเอาไว้ว่ากลุ่มมีสิทธิขอปลูก-ผลิต 1.หน่วยงานของรัฐ หรือ มหาวิทยาลัยของรัฐ 2.สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ศึกษาวิจัยและจัดการเรียนการสอนทางการแพทย์ หรือเภสัชศาสตร์หรือเภสัชกรรม 3.ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์ 4. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน สัตวแพทย์ 5.ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำหรือสั่งเข้ามาซึ่งยาแผนปัจจุบัน ซึ่งยาแผนโบราณ ซึ่งผลิตภัณฑ์สมุนไพร 6.ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตด้านเกษตรกรรม 7.เป็นคู่สัญญากับ อย. เพื่อการจ้างผลิตหรือการจัดซื้อกัญชา 8.หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด หรือสภากาชาดไทย 9.ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ทางด้านการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์หรือเภสัชกรรม และ10.ผู้ป่วยเดินทางระหว่างประเทศที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชาทางการแพทย์ เกษตรจังหวัดเชียงราย กล่าวอีกว่า ใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกัญชา ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าต้องเป็นกลุ่มวิสาหกิจ หรือ สหกรณ์ จึงอยากให้เกษตรกรทำถูกต้องไป จดวิสาหกิจชุมชนให้ถูกต้อง วิสาหกิจชุมชนจะต้องเป็นกิจการที่ดำเนินการ หรือประสงค์ที่จะดำเนินการร่วมกันของกลุ่มบุคคลในพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิสาหกิจชุมชน และ/หรือ รวมถึงพื้นที่ข้างเคียงที่มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิสาหกิจชุมชนด้วย ซึ่งอาจอยู่ภายในตำบล อำเภอ จังหวัดเดียวกันหรือไม่ก็ได้ โดยสมาชิกของวิสาหกิจชุมชนมีวิถีชีวิตร่วมกันและสามารถดำเนินกิจการร่วมกันได้ อาจเป็นนิติบุคคลหรือไม่เป็นนิติบุคคลก็ได้ จะต้องประกอบด้วยสมาชิกที่อยู่ร่วมกันในชุมชนไม่น้อยกว่า 7 คน โดยต้องไม่อยู่ ในครอบครัวเดียวกัน และไม่มีรายชื่อปรากฏในทะเบียนบ้านเดียวกัน และอีกข้อหนึ่งวิสาหกิจชุมชนจะต้องดำเนินกิจการโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงไม่สามารถจดวิสาหกิจเพื่อเพาะปลูกกัญชาได้ แต่เมื่อจะปลูกทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจะต้องมีใบอนุญาตการปลูกจากทางหน่วยงานของรัฐ หรือ มหาวิทยาลัยของรัฐ มาแนบในการขอจดเพิ่มในการดำเนินกิจการ ด้าน ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขั้นตอนดำเนินการของเกษตรกรคือ หากเกษตรกรสนใจจะปลูกกัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ใน 5 ปีแรกจะต้องดำเนินการ คือ 1.รวมกลุ่มเกษตรกรตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ 2.ประสานหน่วยงานของรัฐที่มีสิทธิ์ขออนุญาตในการผลิตและวิจัยกัญชาตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อขอเข้าเป็นกลุ่มผู้ปลูกที่จะนำส่งผลผลิตกัญชาให้หน่วยงานรัฐนั้นๆ เพราะตามกฎหมาย ในการขออนุญาตปลูก จะต้องแสดงปริมาณการขอปลูกและปลูกแล้วจะผลิตเป็นอะไร และส่งให้ใครเป็นผู้ผลิต เนื่องจากในการยื่นขออนุญาตปลูกจะต้องแสดงหนังสือที่แสดงว่าดำเนินการภายใต้ความร่วมมือและการกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐหรือสถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง 3.ยื่นขออนุญาตผลิตปลูก พื้นที่กรุงเทพฯยื่นที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต่างจังหวัดยื่นที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และ 4.จัดทำแหล่งปลูกตามหลักเกณฑ์ที่ อย. กำหนดเกี่ยวกับการปลูกพืชกัญชา อาทิ ปลูกในสถานที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ในการปลูกทุกครั้งต้องใช้เมล็ดพันธุ์ เนื้อเยื่อ หรือวิธีการตามที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น จัดทำแนวเขตพื้นที่การเพาะปลูกที่ชัดเจน พื้นที่ปลูกต้องยากต่อการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก มีระบบการควบคุมตามที่กำหนด จัดให้มีสถานที่รักษาความปลอดภัยของใบ ช่อดอก เมล็ดพันธุ์ป้องกันการสูญหาย จัดให้มีการทำบัญชีรับจ่ายและรายงาน เป็นต้น ประธานเครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย ได้กล่าวอีกว่า ด้วยการปลูกกัญชามีขั้นตอนทางระบบข้อราชการ และกฎหมายมากมายทาง "เครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย" จึงได้ประสานงานรวบรวมกลุ่มวิสากิจชุมชนมารับข้อมูลข่าวสารจากทางส่วนราชการที่รับผิดชอบและพร้อมที่จะเชื่อมโยงให้เกษตรกรทำ MOU กับทาง มหาวิทยาลัยของรัฐ และผลักดันให้เกษตรกรปลูกกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยต่อไป.