เผยข้อมูลปี 60 พบวัยรุ่นเริ่มมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น ตั้งแต่ 13-15 ปี ทั้งประมาทครั้งแรกไม่ใช้ถุงถึง 30% ระบุโรคนี้มักไม่แสดงอาการ จนผ่านไปเป็น 10 ปี ขึ้นสมอง-หัวใจ-หลอดเลือด พร้อมสนับสนุนใช้ถุงยางเพื่อความปลอดภัย มีบริการแจกฟรี
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข้อมูลสถานการณ์โรคซิฟิลิสในเพจเฟซบุ๊กรพ.บางรัก สังกัดกรมควบคุมโรคนั้น ในเรื่องนี้ได้ให้สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังพบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณถึงการมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย และเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี โดยปี 61 พบรายงานผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากที่สุด ในช่วงอายุ 15-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 36.9 อยู่ในกลุ่มวัยรุ่น วัยเรียน และวัยเจริญพันธุ์
ข้อมูลจากการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ปี 60 พบว่าวัยรุ่นมีแนวโน้ม การมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น โดยอายุเฉลี่ย 13-15 ปี และไม่ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกร้อยละ 30 ส่วนข้อมูลพฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัย ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทั้งชายและหญิง ร้อยละ 76.9 และ 66.7 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งชายและหญิง ร้อยละ 74.1 และ 76.9 ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 2 ทั้งชายและหญิง ร้อยละ 69.5 และ 74.6 จากข้อมูลทำให้เห็นว่าวัยรุ่นไทยยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน ซึ่งจะทำให้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอชไอวี และการท้องไม่พร้อม
ทั้งนี้ โรคซิฟิลิส เป็นโรคที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การรับเลือดจากผู้ที่ติดเชื้อ หรือจากแม่ที่ติดเชื้อซิฟิลิสแล้วไม่ได้รักษาสู่ทารกในครรภ์ หลังได้รับเชื้อในช่วงแรกอาจจะพบแผลที่อวัยวะเพศ จากนั้นแผลจะหายเอง และจะมีผื่นขึ้นตาม ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรืออวัยวะเพศ อาจมีผมร่วงเป็นหย่อมๆ บางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่เชื้อจะอยู่ในร่างกายถ้าไม่ได้รักษา เมื่อผ่านไป 10 ปี เชื้อนี้สามารถก่อให้เกิดความผิดปกติที่สมอง และระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดง จะทราบว่าติดเชื้อต่อเมื่อไปตรวจเลือด เช่น ตรวจเลือดเพื่อบริจาคเลือด หรือการตรวจคัดกรองในระยะฝากครรภ์ ซึ่งโรคนี้มียารักษาและรักษาหายขาดได้
นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ในการป้องกันแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หากมีความเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย แนะนำให้เจาะเลือดเพื่อตรวจคัดกรองซิฟิลิสและเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแลสุขภาพตนเองและลดโอกาสการแพร่เชื้อของโรคได้ ทั้งนี้ สามารถรับถุงยางอนามัยได้ฟรีที่สถานบริการของรัฐและหน่วยงานสังกัดกรมควบคุมโรค สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสายด่วนปรึกษาเอดส์ โทร.1663 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ข้อมูลจากการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ปี 60 พบว่าวัยรุ่นมีแนวโน้ม การมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น โดยอายุเฉลี่ย 13-15 ปี และไม่ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกร้อยละ 30 ส่วนข้อมูลพฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัย ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทั้งชายและหญิง ร้อยละ 76.9 และ 66.7 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งชายและหญิง ร้อยละ 74.1 และ 76.9 ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 2 ทั้งชายและหญิง ร้อยละ 69.5 และ 74.6 จากข้อมูลทำให้เห็นว่าวัยรุ่นไทยยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน ซึ่งจะทำให้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอชไอวี และการท้องไม่พร้อม
ทั้งนี้ โรคซิฟิลิส เป็นโรคที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การรับเลือดจากผู้ที่ติดเชื้อ หรือจากแม่ที่ติดเชื้อซิฟิลิสแล้วไม่ได้รักษาสู่ทารกในครรภ์ หลังได้รับเชื้อในช่วงแรกอาจจะพบแผลที่อวัยวะเพศ จากนั้นแผลจะหายเอง และจะมีผื่นขึ้นตาม ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรืออวัยวะเพศ อาจมีผมร่วงเป็นหย่อมๆ บางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่เชื้อจะอยู่ในร่างกายถ้าไม่ได้รักษา เมื่อผ่านไป 10 ปี เชื้อนี้สามารถก่อให้เกิดความผิดปกติที่สมอง และระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดง จะทราบว่าติดเชื้อต่อเมื่อไปตรวจเลือด เช่น ตรวจเลือดเพื่อบริจาคเลือด หรือการตรวจคัดกรองในระยะฝากครรภ์ ซึ่งโรคนี้มียารักษาและรักษาหายขาดได้
นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ในการป้องกันแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หากมีความเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย แนะนำให้เจาะเลือดเพื่อตรวจคัดกรองซิฟิลิสและเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแลสุขภาพตนเองและลดโอกาสการแพร่เชื้อของโรคได้ ทั้งนี้ สามารถรับถุงยางอนามัยได้ฟรีที่สถานบริการของรัฐและหน่วยงานสังกัดกรมควบคุมโรค สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสายด่วนปรึกษาเอดส์ โทร.1663 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422