โครงการไบโอแมทริกซ์ส่อเค้าวุ่น บ.เอกชนฯ เตรียมขอขยายเวลาออก 110 วัน หลังส่งมอบงานไม่ทันตามสัญญางวดสุดท้าย โดยอ้างเหตุล่าช้ามาจากมีการปรับพื้นที่ ทางด้านรองผบช.ภ.7 เผยเรื่องอยู่ระหว่างขั้นตอนพิจารณาลงความเห็น ขณะที่โครงการดังกล่าวเรื้อรังนานส่งมอบช้าหลายงวด มิหนำซ้ำสมัย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เคยเสนอ ตร.ยกเลิกสัญญาหลังพบปัญหาแต่ก็ยังผลักดันเดินเรื่องต่อ เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 1พ.ค.62 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบช.ภ.7 ช่วยปฎิบัติราชการ สตม. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุรายการจัดซื้อครุภัณฑ์ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้มีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการตรวจรับมาในระยะที่สาม โดยในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ค.) จะครบตามกำหนดส่งงานตามสัญญา ซึ่งหากครบกำหนดสัญญาแล้วทางบริษัทเอกชนไม่ได้มีการส่งมอบตามกรอบสัญญา ก็จะต้องทำหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการว่า การส่งมอบล่าช้ามาจากสาเหตุใด ติดขัดเรื่องใด จากนั้นทางคณะกรรมการก็จะมาพิจารณาว่าสมควรแก่การขยายเวลาหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบเหตุสุดวิสัยที่ทางบริษัทเอกชนจะอ้างได้คือว่า สนามบินหลายแห่ง อาทิ ท่าอากาศยานอุบลราชธานี มีการปรับปรุงพื้นที่ทำให้ไม่สามารถส่งมอบได้ตามกรอบระยะเวลา ซึ่งในส่วนนี้เป็นเรื่องของทางราชการ ทางบริษัทเอกชนได้ขอขยายเวลาออกไป110 วัน ซึ่งกรรมการตรวจรับจะพิจารณาว่า จะมีความเห็นว่าสมควรต่อการขยายกรอบระยะเวลาหรือไม่ ในส่วนนี้ต้องดูในเหตุผลว่ามีน้ำหนักมากเพียงพอหรือไม่ ถ้ามีเหตุผลเพียงพอก็ต้องขยายกรอบเวลาให้ แต่หากเหตุผลไม่เพียงพอก็ว่าไปตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในสัญญา คือเปรียบเทียบปรับ หรือยกเลิกสัญญา ทั้งนี้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ หรือระเบียบข้อบังคับการจัดซื้อส่งมอบครุภัณฑ์ ไม่เป็นไปตามสัญญาว่าจะต้องมีการปรับ ซึ่งในสัญญาให้ระบุว่าหากบริษัทผู้รับเหมาไม่สามารถส่งมอบครุภัณฑ์ได้ตามสัญญา ในกรณีที่มีการขยายเวลาให้แล้วก็จะต้องถูกปรับถึงวันละ 5 ล้านบาท อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการตามกรอบการทำงาน และไม่ได้มีการยกเลิกสัญญาแต่อย่างใด ซึ่งทั้งนี้ต้องดูว่าในวันพรุ่งนี้ทางเอกชนจะส่งมอบงานได้ตามกำหนดหรือไม่ ทั้งนี้มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ปีที่ผ่านมา ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม.ในขณะนั้น ได้มีหนังสือรายงานปัญหาที่และข้อขัดข้องการดำเนินโครงการดังกล่าวถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. โดยระบุรายละเอียดการส่งมอบงานงวดที่ 1 ส่งมอบเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2560 และคณะกรรมการไม่สามารถตรวจรับได้ เนื่องจากมีปัญหาทางบริษัทส่งมอบไม่ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ตามสัญญาในหลายประเด็น จึงได้แจ้งให้กับทางบริษัทไปทำการแก้ไข และงวดที่สองวันที่ 29 กันยายน 2560 ไม่มีเอกสารยืนยันจุดติดตั้งหน่วยสืบสวนในภาพรวมของ ตร. ในงวดที่สามวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ไม่ได้ดำเนินการรับเรื่องจุดติดตั้งอุปกรณ์ ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญในการซื้อขาย งวดที่สี่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ทางคณะกรรมการได้มีการตรวจสอบพบรายละเอียดครบถ้วนถูกต้องตามขอบเขตโดยละเอียดของทีโออาร์ในสัญญาหรือข้อตกลงจึงมีมติรับไว้ในราชการ โดยในวันที่ 16 - 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการทดสอบระบบโดยวิธีจำลองสิมูเลท เทสติ่ง ณ. ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ปรากฏว่ามีข้อมูลบางระบบยังไม่สอดรับกับระบบข้อมูลพื้นฐานที่ใช้งานจริงได้ จึงให้ทางบริษัททำการแก้ไขปรับปรุง ต่อมาพบว่าสามารถเชื่อมต่อข้อมูลพื้นฐานได้ จึงมีมติรับไว้ในราชการแต่การใช้งานได้จริงหมายถึงการใช้งานโดยวิธีจำลองแต่ยังไม่ได้มีการทดสอบโปรแกรมในการปฏิบัติงานตรวจผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกได้จริง กระทั่งวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม มีหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อให้พิจารณาใช้สิทธิ์บอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงโครงการ โดยระบุว่าหลังจากที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับโปรแกรมสำหรับตัวบุคคลเดินทางเข้าออก ซึ่งทางบริษัทแจ้งว่าโปรแกรมสำหรับงานตรวจบุคคลเดินทางเข้าออกเสร็จเรียบร้อย และผลทดสอบรับส่งข้อมูลระหว่างระบบไบโอแมทริกซ์และระบบพีบิ๊กมีความสมบูรณ์ถูกต้อง ซึ่งต่อมาทางบริษัทได้มีความพยายามเชื่อมโยงระบบทั้งสองระบบเข้าด้วยกัน แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ แม้ทางบริษัทได้มีหนังสือยืนยันว่าระบบไบโอแมทริกซ์ ยังติดขัดปัญหาการเชื่อมต่อระหว่างข้อมูลทั้งสองระบบ ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการใช้งานได้ แม้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุยังได้รับรายงานการตรวจรับพัสดุในงวดที่สาม ว่าได้ทำการทดสอบระบบปรากฏว่าสามารถเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐานได้จริง โดยติดตั้งระบบพร้อมทดสอบระบบ ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์ จึงไม่เป็นเหตุที่ทางบริษัทจะนำมากล่าวอ้าง กรณีนี้จึงเห็นว่าทางบริษัทไม่สามารถดำเนินการเชื่อมโยงทั้งสองระบบได้จริง นอกจากนี้ในเรื่องของการส่งมอบข้อสัญญา เมื่อพิจารณาการส่งมอบงานตั้งแต่งวดที่สองถึงงวดที่สาม พบว่าไม่เป็นไปตามแผนงานทั้งโครงการทางบริษัทส่งมอบงานในแต่ละงวด ล่าช้าเกินกว่ากำหนดเป็นระยะเวลานานมากทุกครั้ง รวมทั้งไม่ปรากฏว่ามีการขออนุมัติปรับแผนการดำเนินการใหม่แต่อย่างใด ซึ่งการทดสอบระบบในงวดที่สามก็เป็นเพียงแค่การจำลองสถานการณ์แม้ทางบริษัทจะยืนยันกำหนดว่า จะแล้วเสร็จส่งมอบพัสดุตามสัญญาก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจึงเป็นเหตุให้น่าเชื่อว่าเมื่อครบสัญญาแล้ว ผู้ขายจะไม่สามารถส่งมอบพัสดุในงวดที่ 4-6 รวมทั้งการเชื่อมโยงระบบของโครงการปรับระบบสาระสนเทศตรวจคนเข้าเมืองและระบบสาระสนเทศอื่นๆ ได้ครบถูกต้องตามสัญญา กรณีนี้เมื่อเกิดความเสียหายและเป็นการรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ จึงสมควรพิจารณาใช้สิทธิ์บอกเลิกสัญญา ซึ่งต่อมาทางผบ.ตร.ได้มีความเห็นตามที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงาน อย่างไรก็ตามตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติมระบุไว้ชัดเจนว่า ในกรณีมีเหตุบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ที่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงกับคู่สัญญา ว่ามีเหตุอันเชื่อได้ว่าผู้ขายหรือผู้รับจ้างไม่สามารถส่งมอบหรือทำงานให้ได้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าก่อนหน้านี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามยกเลิกสัญญากับบริษัทเอกชนดังกล่าว ตามที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเสนอ แต่จนถึงขณะนี้เหตุใดถึงมีการผลักโครงการนี้ให้มีการเดินหน้าต่อ