ช่วงที่ผ่านมา โครงการส่งเสริมการตลาดชุมชนในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออกโดย สำนักงานพื้นที่พิเศษ 3 (อพท.3)องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้ร่วมกับ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) จัดทริปอดีตในปัจจุบัน อัศจรรย์แห่งตะวันออกที่เราไม่รู้จัก ในเส้นทาง ระยอง–จันทบุรี–ตราด เพื่อสร้างรากฐานความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนโดยใช้เครื่องมือ ที่เรียกว่าการท่องเที่ยวโดยชุมชน หรือ Community Based Tourism : CBT ในพื้นที่เขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก ให้ชุมชนสามารถมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรในพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน นำเสนออัตลักษณ์ชุมชน โดย นายธิติ จันทร์แต่งผล ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 3 (อพท.3) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการตลาดชุมชนในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก กล่าวว่า ในปีนี้ อพท. 3 หวังที่จะเห็นชุมชนที่มีศักยภาพในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันออก ได้นำเสนออัตลักษณ์ วิถีชีวิต แหล่งท่องเที่ยวชุมชน รวมถึงการเสนอขายกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชน ผ่านกลไกเครื่องมือการส่งเสริมด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้น ธิติ จันทร์แต่งผล สำหรับชุมชนที่ให้ความร่วมมือและได้รับการสนับสนุนภายใต้โครงการส่งเสริมการตลาดชุมชนของ อพท. ในปีนี้ ประกอบด้วย 8 ชุมชน ในจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ได้แก่ ชุมชนบ้านกระแสบน ชุมชนบ้านจำรุง ชุมชนบางกะจะ ชุมชนบ้านปัถวี ชุมชนบ้านไม้รูด ชุมชนบ้านท่าระแนะ ชุมชนคลองใหญ่ และชุมชนเกาะหมาก ซึ่งชุมชนแต่ละแห่งมีอัตลักษณ์และความโดดเด่นหรือประเด็นในพื้นที่ที่น่าสนใจต่างกัน และมีเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน เช่น ชุมชนกระแสบน จังหวัดระยอง มีเป้าหมายเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและแม่น้ำประแสเพื่อความอยู่รอดของการดำรงชีพในท้องถิ่น บ้านปัถวี จังหวัดจันทบุรี มีเป้าหมายเพื่อสร้างสังคมสวนผลไม้ปลอดสารเคมีเพื่อก้าวเข้าสู่วิถีพอเพียง หรือ เกาะหมาก จังหวัดตราด มีเป้าหมายเพื่อการท่องเที่ยวที่มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวที่นำเสนอผ่าน CBT ในชุมชนเหล่านี้ ถูกสร้างสรรค์บนพื้นฐานด้านธรรมชาติ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มุ่งแสวงหาประสบการณ์จากการท่องเที่ยวในพื้นที่ชนบทไทยดั้งเดิมหรือพื้นที่ธรรมชาติที่สงบและห่างไกล โดยใช้กิจกรรมที่มีอยู่ในพื้นที่อย่างเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวมีหลากหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มเอฟไอที หรือท่องเที่ยวด้วยตัวเอง กลุ่มเพื่อนฝูง กลุ่มครอบครัว หรือกลุ่มบริษัทองค์กรที่ต้องการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวพิเศษในพื้นที่ชุมชนเพื่อเป็นรางวัล ให้แก่พนักงานหรือลูกค้า หรือต้องการจัดกิจกรรมที่รับผิดชอบต่อสังคม เที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน ขณะที่ นางสาว ศรีพิจิตต์ เติมชัยเจริญศักดิ์ อุปนายก สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) กล่าวว่า กิจกรรมในชุมชนหล่านี้มีความหลากหลายและแตกต่างกัน ทั้งกิจกรรมเชิงธรรมชาติ ผจญภัยและวิถีชีวิตวัฒนธรรม อาทิ การล่องเรือเพื่อชมวิวและดูตัวตะกองหรือลั้ง (กิ้งก่ายักษ์) ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มของกอไผ่ตลอดลำน้ำ ซึ่ง ตะกอง เป็นกิ้งก่ายักษ์ชนิดเดียวที่พบในประเทศไทย และพบได้เฉพาะในภาคตะวันออกของประเทศเท่านั้น รวมถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถิ่นอาศัยตามธรรมชาติส่วนใหญ่อยู่ในประเทศแถบอินโดจีน (ลาว เขมร เวียดนาม) ศรีพิจิตต์ เติมชัยเจริญศักดิ์ ซึ่งการเข้าไปสัมผัสป่าชายเลนดึกดำบรรพ์ที่ชายฝั่งทะเลของจังหวัดตราด ที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมให้ความรู้สึกแบบดิบๆที่ชุมชนท่าระแนะและชุมชนไม้รูด ได้ชมวิว และเห็นถึงวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้าน อีกทั้งยังได้ร่วมกิจกรรมปลูกป่า เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งอาหารของชุมชนที่สำคัญนี้ให้ยั่งยืนตลอดไป ขณะที่ขากลับนั่งเรือชมหิ่งห้อยสองข้างทางสัมผัสความสวยงามของแสงธรรมชาติ ทำความรู้จักกับประวัติศาสตร์ของตราดผ่านอนุสรณ์ที่สำคัญ ณ ศาลาราชการุณย์ บอกเล่าเรื่องราวของสงครามกลางเมืองในเขมรและมนุษยธรรมที่ไร้พรมแดนระหว่างสองประเทศได้อย่างน่าประทับใจ อีกทั้งสถานที่ตั้งอันสวยงามบนชายฝั่งทะเลของบ้านไม้รูดนี้เคยเป็นค่ายอพยพและมีเรื่องราวมากมายให้ได้เรียนรู้และประทับใจ บ้านไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ รวมถึงได้แวะสักการะ ศาลเจ้าแม่ทับทิม คลองใหญ่ ที่จัดสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 70 ปีกว่ามาแล้ว โดยองค์เจ้าแม่ลอยน้ำมาบริเวณทะเลอำเภอคลองใหญ่ และชาวบ้านได้ร่วมกันอัญเชิญองค์เจ้าแม่ ซึ่งเป็นไม้แก่นจันทร์แกะสลักเป็นรูปผู้หญิงขึ้นจากทะเลและได้ร่วมกันสร้างศาลให้เจ้าแม่ เจ้าแม่ทับทิมเป็นที่นับถือและศรัทธามาช้านาน ถือ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอคลองใหญ่ ทั้งยังเป็นที่สักการบูชากราบไหว้ขอพรตามความเชื่อของพี่น้องชาวประมงอีกด้วย เรียนรู้สีสันตะวันออก พร้อมกันนี้ยังได้สัมผัสความงามสามวัฒนธรรม ความงามข้ามพรมแดนของชุมชนชาวคลองใหญ่ เรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนและผสมผสานกันอย่างลงตัวจากคนสามวัฒนธรรมไทย จีน และญวน สนุกสนานกับการเรียนรู้ของวิถีชีวิต อิ่มอร่อยกับอาหารพื้นบ้าน สนุกกันต่อกับการเดินหรือปั่นจักรยานเที่ยวเวิ้งประวัติศาสตร์ชุมชนเก่าแก่ของจันทบุรีอย่างชุมชนบางกะจะ หรือการเดินทอดน่องเที่ยวชมชุมชนตลาดคลองใหญ่สงบและสะอาดอย่างน่าประทับใจในจังหวัดชายแดนอย่างตราด ขนมพื้นเมืองชาวระยอง รวมทั้งยังได้ชมความงามอันน่าอัศจรรย์ของระบบนิเวศป่าชายเลนเก่าแก่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆที่ หมู่บ้านท่าระแนะ ป่าชายเลน 1 ใน สถานที่ท่องเที่ยวอันซีน แห่งจังหวัดตราด ซึ่งความมหัศจรรย์อยู่ตรงที่การนั่งเรือไปลานตะบูน 10 นาที ก็จะผ่านช่วงป่าในคลองถึง 3 ป่า คือ ป่าโกงกาง ป่าจากและป่าตะบูน สิ่งที่ทำให้ป่าตะบูนแห่งนี้มีความอัศจรรย์ คือ รากของต้นตะบูนที่ขึ้นอยู่ตามพื้นจำนวนมากที่ทำให้ลานตะบูนแห่งนี้มีความสวยงามและให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในป่าดึกดำบรรพ์ ป่าตะบูน ขณะที่การเที่ยวชุมชนบ้านปัถวีฟังบรรยายธนาคารผึ้งชันโรง ชมสวนผลไม้ด้วยสามล้อเครื่อง เรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของผึ้งในการทำสวนเกษตรอินทรีย์ ชมและชิมผลไม้สดๆจากเกษตรอินทรีย์ปัถวีโมเดล รวมทั้งไปเที่ยวต่อกันที่ชุมชนบ้านจำรุง นั่งรถรางเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวสวนผลไม้ และเที่ยวชมป่าชายเลนสะพานรักษ์แสม ซึ่งเป็นสะพานที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างไม้ข้ามไปอีกฝั่ง ต่อจากนั้นได้เดินทางไปดูแลคอกปูแสม พันธุ์สัตว์น้ำและป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ และมีการเปลี่ยนมา สร้างเป็นสะพานแขวนที่สวยงามมีความยาว 80 เมตรเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติไม่ขวางทางเรือที่สัญจรไปมา พร้อมทั้งยังสร้างสะพานเดินชมป่าชายเลนยาว 90 เมตร ในการชมความงามตามธรรมชาติของริมคลองสองฝั่ง ต้นโกงกางและต้นแสมอายุกว่า 100 ปี ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่กับการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง ลำน้ำประแสร์ ซึ่ง นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) กล่าวว่า ด้วยความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวที่ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออกของประเทศไทย จึงเป็นตัวเลือกระดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ สำหรับ อพท. ในฐานะหน่วยงานกลางในการประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนทุกภาคีให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในเชิงบูรณาการเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่แหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนในระดับประเทศ และส่งต่อศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของชุมชนท้องถิ่นภาคตะวันออกของประเทศไทยสู่ระดับสากล ตลอดจนสร้างและกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่คนในชุมชนท้องถิ่นโดยตรง จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออกของประเทศไทย จะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลือกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว เพื่อร่วมเรียนรู้และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ไปกับชุมชนท้องถิ่น เพราะการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวเพื่อความสนุก แต่เป็นการค้นหาความสุขอย่างแท้จริง