“COTTO”โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2562 กำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 97% เร่งปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนพลังงานต่อเนื่อง ขยายช่องทางจัดจำหน่ายทั้งขายออนไลน์-เพิ่มสาขาพื้นที่ขายให้ครอบคลุม นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงงบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 ว่า บริษัท มีรายได้จากการขาย 3,012 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากไตรมาสก่อน โดยมีกำไร 130 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 277 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 97 จากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค และต้นทุนที่ลดลงจากการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับสินทรัพย์รวมของ COTTO ณ วันที่ 31 ธ.ค.61 มีมูลค่า 11,533 ล้านบาท “ราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นต้นทุนพลังงานหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ผ่านมาราคาเพิ่มขึ้นถึง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปีนี้บริษัทจึงมีเป้าหมายและแผนงานหลักที่มุ่งเน้นเรื่องลดต้นทุนในการผลิต โดยเฉพาะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและลดของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต โดยจะนำระบบการบริหารงานแบบใหม่เข้ามาใช้ในการควบคุมประสิทธิภาพและบริหารโครงการลดต้นทุนด้านการผลิตกว่า 100 โครงการซึ่งเป็นโครงการจัดการพลังงาน การจัดการของเสีย การเพิ่มผลผลิต ตลอดจนด้านวิศวกรรมและซ่อมบำรุง นอกจากนี้ยังมีแผนงานปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดหา คลังสินค้าและระบบการขนส่ง ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย” ทั้งนี้บริษัทมีโครงการลดต้นทุนด้านพลังงานที่สำคัญ โดยเฉพาะโครงการพลังงานทดแทน อาทิ โครงการผลิตกระแสไฟฟ้า Solar Rooftop โดยกำลังดำเนินการติดตั้งระบบในโรงงานของบริษัททุกแห่ง ทั้งที่โรงงานหินกอง,โรงงานหนองแค1 และโรงงานนิคมหนองแค โดยใช้พื้นที่สำหรับติดตั้งผืนหลังคา Solar Roof เพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าจำนวน 49,000 ตารางเมตร คาดว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 0.6 ล้าน kWh ต่อเดือน “เมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ใช้งบลงทุนไปประมาณ 500 ล้านบาท ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเพื่อช่วยในการลดต้นทุนและเพื่อขยายช่องทางจัดจำหน่าย และในปีนี้ก็จะใช้งบประมาณในการลงทุนไม่ต่างกันมากนัก” สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานที่สำคัญในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทยังมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกระเบื้องปูพื้นและบุผนังแบรนด์คอตโต้(COTTO)ได้รับรางวัล “The Most Admired Brand”ติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ในกลุ่มสินค้ากระเบื้องปูพื้นและบุผนัง ถือเป็นการตอกย้ำถึงการที่ผู้บริโภคให้การยอมรับและชื่นชมในมาตรฐานคุณภาพและความสวยงามของกระเบื้องเซรามิกภายใต้แบรนด์คอตโต้ ซึ่งบริษัทยึดถือเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะต้องรักษามาตรฐานให้ได้ตลอดไป ในปีนี้จึงได้ตั้งเป้าหมายออกสินค้าใหม่ให้รวดเร็วขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะออกสินค้าใหม่ให้ได้มากกว่า 500 SKUs เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม นอกจากนี้เพื่อเป็นการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล บริษัทได้เพิ่มช่องทางขายแบบออนไลน์ ผ่าน www.cottolife.com ซึ่งเป็นอีคอมเมิร์ซที่ถูกพัฒนาให้มีความเชื่อมโยงกับการขายสินค้าที่หน้าร้านไปพร้อมๆกัน จุดเด่นของ www.cottolife.com คือรวมสินค้ากระเบื้องครบทั้ง 3 แบรนด์ ได้แก่ COTTO, CAMPANA และ SOSUCO โดยมีให้เลือกมากกว่า 1,500 รายการ ที่น่าสนใจคือ ทุกรายการเป็นสินค้าขายดีที่มีของพร้อมส่งและในช่วงนี้ลูกค้าสามารถขอให้จัดส่งกระเบื้องตัวอย่างเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อได้ด้วย นับเป็นช่องทางที่เราได้พัฒนาขึ้นเพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งออนไลน์ และต้องการความสะดวกรวดเร็วในการซื้อสินค้า “ช่องทางออนไลน์นี้จะเชื่อมโยงกับ COTTO Life ช่องทางขายสินค้าแบบออฟไลน์ซึ่งตั้งอยู่ที่ เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการทางช่องทางใดก็ได้ หรือจะใช้ทั้ง 2 ช่องทางผสมผสานกันก็ได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบัน บริษัทเชื่อว่าจะครอบคลุมและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าได้ทั้ง 2 ช่องทาง ไม่ว่าลูกค้าจะไปเดินเลือกสินค้าเองที่ร้านหรือเลือกใช้บริการผ่านเว็บไซต์ ที่สำคัญคือ ทั้ง 2 ช่องทางยังคงมีบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้งครบวงจร เหมือนกันอีกด้วย” ส่วนการขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายนั้น นับตั้งแต่ต้นปี บริษัทได้ทยอยเปิดคลังเซรามิคสาขาใหม่เพิ่มอีก 4 สาขาได้แก่ สาขามุกดาหาร,สาขายโสธร,สาขาขอนแก่น และสาขาร่มเกล้า โดยในปีนี้จะเร่งดำเนินการตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง "เรายังคงให้ความสำคัญกับการขายผ่านช่องทางที่หลากหลาย และมุ่งพัฒนาทุกช่องทางจัดจำหน่ายให้เติบโตไปพร้อม ๆ กับบริษัท ไม่ว่าจะเป็น ร้านผู้แทนจำหน่าย ร้านค้าปลีก ร้านค้าช่วง โมเดิร์นเทรด ในส่วนของพื้นที่ขาย คลังเซรามิค ปีนี้จะมีการขยายสาขาให้ได้ตามแผนงานและพัฒนาร้านภายใต้มาตรฐานเดียวกัน โดยควบคุมค่าใช้จ่ายของแต่ละสาขาให้ต่ำที่สุดควบคู่ไปกับการสื่อสารให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่ด้วย”