นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล อำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี (คทช.ชัยบุรี) ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องโครงการบริหารจัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ (Mega Farm Enterprise) ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมี ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และผู้บริหาร ส.ป.ก. ให้การต้อนรับ ในการลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำคณะปลูกต้นไม้มงคล อาทิ ต้นรวงผึ้ง เพื่อสร้างความร่มรื่นให้แก่พื้นที่ พร้อมปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดและลูกกุ้งลงสู่แหล่งน้ำเพื่อเป็นแหล่งอาหารให้แก่เกษตรกร อีกทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการของกรมพัฒนาที่ดินเกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูสภาพดินในพื้นที่ พร้อมทั้งเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการผลิตกล้วยหอมทองเพื่อการค้าครบวงจรระหว่าง สหกรณ์การเกษตรไทรทอง จำกัด กับสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด ทั้งยังมอบนโยบายและแนวทางการพัฒนางานด้านการเกษตร แก่ส่วนราชการและเกษตรกรที่มาให้การต้อนรับอีกด้วย ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กล่าวว่า หลังจากที่ ส.ป.ก. ได้จัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกรและผู้ยากไร้ครอบครัวละ 6 ไร่ จำนวน 121 ครอบครัวแล้ว ส.ป.ก. ได้มุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่เพียงพอ และสามารถตั้งตัวได้ภายใน 3-5 ปี ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนั้น ส.ป.ก. จึงได้เสนอพื้นที่ คทช.ชัยบุรี เข้าร่วมโครงการบริหารจัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ (Mega Farm Enterprise) ในลักษณะของแปลงใหญ่เกษตรผสมผสาน เบื้องต้น ส.ป.ก. ได้ประสานสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกกล้วยหอมทองไปญี่ปุ่น แต่ยังมีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ให้มาจับคู่ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการผลิตกล้วยหอมทอง เพื่อการค้าครบวงจรกับสหกรณ์การเกษตรไทรทอง จำกัด ซึ่งเป็นสหกรณ์ที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลบริหารจัดการพื้นที่ คทช.ชัยบุรี แห่งนี้ โดยสหกรณ์การเกษตรไทรทอง จำกัด จะส่งเสริมให้เกษตรกรสมาชิกปลูกกล้วยหอมทองคุณภาพส่งออกปีละ 5 หมื่นหน่อ บนพื้นที่ 125 ไร่ ซึ่งสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จะรับซื้อกล้วยหอมทองในราคาประกันกิโลกรัมละ 13.50 บาท พร้อมเข้ามาดูแลเป็นพี่เลี้ยงในการผลิตตั้งแต่ลงแปลงปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวจะใช้ระยะเวลาประมาณ 8-10 เดือน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีตรงตามตลาดต้องการ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรปีละประมาณ 4 หมื่นบาทต่อไร่ นอกจากนี้ ส.ป.ก. ยังจะได้สนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตรไทรทอง จำกัด ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการผลิตปลูกมะละกอฮอลแลนด์แปลงใหญ่ ส่งโรงแรม โรงพยาบาล และห้างร้านต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งนี้ หากโครงการบริหารจัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ (Mega Farm Enterprise) ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในพื้นที่ คทช.ชัยบุรี แห่งนี้ประสบความสำเร็จ ส.ป.ก. จะได้นำมาเป็นต้นแบบโมเดลเกษตรครบวงจรไปขยายผลในพื้นที่ ส.ป.ก. ทั่วประเทศต่อไป