นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย นำคณะนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยนำโดยเหล่าฮีโร่พาลิมปิกเกมส์ อาทิ ประวัติ วะโฮรัมย์ เจ้าของ 2 เหรียญทองวีลแชร์เรซซิ่ง, พัทธยา เทศทอง, สายชล คนเจน, เรวัตร์ ต๋านะ, สายสุนีย์ จ๊ะนะ, รุ่งโรจน์ ไทยนิยม, วาสนา คูทวีทรัพย์, หาญฤชัย เนตรศิริ, อำนวย เวชวิฐาน, สุบิน ทิพย์มณี, สมชาย ดวงแก้ว,ชูชาติ สุขเจริญ ฯลฯ ร่วมเดินทางเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 10 มกรคมที่ผ่านมา "บิ๊กนิดหน่อย" จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี เปิดเผยว่า การนำคณะนักกีฬาคนพิการมาให้ครั้งนี้เนื่องจากพวกคณะกรรมการพาลิมปิกแห่งประเทศไทยและเหล่านักกีฬาคนพิการทุกต้องการแสดงความอาลัยต่อสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงพระมหากษัตริย์นักกีฬาที่เป็นต้นแบบของนักกีฬาทุกคน และพระองค์ยังทรงผู้ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจนักกีฬามาตลอด ทั้งนี้พระองค์ยังเป็นสิ่งยึดเหนียวจิตใจของพวกเราจนรวมไปประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ทำให้พวกเราจึงอย่างน้อมถวายความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าอย่างหาที่สุดมิได้ และเข้าถวายบังคมพระบรมศพในครั้งและขอน้อมนำพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านนำปฏบัติทั้งในชีวิตประจำวันและการบริหารงานต่อไป ขณะที่ ประวัติ วะโฮรัมย์ ฮีโร่ 2 เหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ 2016 กล่าวว่า ที่ผ่านมานับตั้งแต่พระองค์ท่านทรงเสร็จสวรรคตตนเองให้ฐานะนักกีฬาซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ จึงอยากน้อมถวายความอาลัยด้วยเข้าถวายบังคมต่อหน้าพระบรมศพของพระองค์ และตนเองอย่างจะขอปฏิญาณตนของเป็นคนดีและเป็นนักกีฬาดีและนำความสำเร็จมาสู่ประเทศชาติต่อไปในอนาคตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลต่อพระองค์ท่านนอกจากนี้ตนจะขอนำแนวทางการใช้ชีวิตอย่างพอเพื่อเพียงของพระองค์กลับนำไปใช้ในชีวิตอีกด้วย ส่วน "แวว" สายสุนีย์ เจ้าของเหรียญเงินวีลแชร์ฟันดาบพาราลิมปิกเกมส์ 2016 กล่าวว่า นับการเสด็จสวรรคตของพระองค์ท่านในวันที่ 13 ธันวาคมถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราทุกคนและการมาถวายบังคมพระบรมศพในครั้งถือเป็นหน้าที่ครั้งสุดท้ายในฐานะนักกีฬาของพระราชา ส่วยจากนี้ไปตนเองอยากขอน้อมนำแนวทางการและพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านกลับไปใช่ในชีวิตประจำวันและการเป็นนักกีฬาของพระองค์ท่านกลับไปใช้ในการเป็นนักกีฬาที่ดียิ่งขึ้นไปเพื่อนำความสำเร็จกลับมาสู่ประเทศชาติให้ได้ต่อไป