เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 26 เมษายน 2562 นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี แถลงผลการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการบังคับคดีแพ่งในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างฉับพลัน ณ ห้อง ริเวอร์ไซต์ 7 โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร นางสาวรื่นวดี กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมและกรมบังคับคดี ได้รับความร่วมมือจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศคู่เจรจา (สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) และสหพันธรัฐรัสเซีย รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ประชุมว่าด้วยการบังคับคดีแพ่งในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างฉับพลันจัดการประชุมระหว่างวันที่ 25 – 26 เมษายน 2562 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และมุมมองเกี่ยวกับกฎหมาย กฎระเบียบ ระบบ และแนวปฏิบัติที่ดีเลิศ (best practices) ด้านการบังคับคดีแพ่ง มุ่งเน้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และนวัตกรรมดิจิทัลกับการบังคับคดีแพ่งในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างฉับพลัน และเป็นการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ และความสัมพันธ์ที่ดีด้านการบังคับคดีแพ่ง ระหว่างหน่วยงานด้านการบังคับคดีภาครัฐและภาคเอกชนในกลุ่มประเทศอาเซียนประเทศคู่เจรจา และองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 400 คน มีสารสำคัญ 3 ประการ 1.“การบังคับคดีกับสินทรัพย์ดิจิทัล” มีใจความสำคัญว่า สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นสินทรัพย์รูปแบบใหม่อยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์และมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ (economic value) สามารถก่อให้เกิดรายได้มหาศาลในโลกปัจจุบัน รวมถึงฐานข้อมูลต่าง (Big Data and Blockchain) ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจการค้าได้ ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถบังคับคดีได้ โดยเป็นลักษณะของการอายัดสิทธิเรียกร้อง ทั้งนี้กฎหมายที่ใช้บังคับกับสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ควรเป็นกฎหมายกลาง เนื่องจากลักษณะการทำธุรกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นธุรกรรมที่ดำเนินการรวดเร็วและไร้พรมแดน โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ซึ่งการ Blockchain ในภาครัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน สร้างความโปร่งใส สำหรับในเรื่องการออกกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มีข้อที่ต้องพิจารณาในเรื่อง ความเสี่ยงที่เป็นระบบอันมีนัยยะถึงระบบการเงิน การคุ้มครองนักลงทุน ความโปร่งใส การป้องกันอาชญากรมการฟอกเงิน และไม่ควรจำกัดเพียง blockchain cryptocurrency การกำกับดูแลการผลิตสินทรัพย์ดิจิทัล 2.“การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล – การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับกระบวนการบังคับคดี” ภาพรวมของการบังคับคดีในแต่ละประเทศ เริ่มนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบังคับคดี เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ในการบังคับคดี เช่น ประเทศฝรั่งเศส สาธารณรัฐเกาหลี ประเทศญี่ปุ่น ยุโรปตะวันออกบางประเทศ และการบริหารจัดการข้อมูล ซึ่งฐานข้อมูลด้านการบังคับคดีของแต่ละประเทศจะเป็น Big Data ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และมีการวิเคราะห์ข้อมูลโดย machine learning 3. “การนำเทคโนโลยีมาใช้กับการบังคับตามคำพิพากษาในคดีแพ่ง”มีใจความสำคัญว่า การบังคับคดีกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างครบวงจร ควรมีการจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อลดช่องว่างและความไม่สอดคล้องกับกฎหมาย ทั้งนี้การบังคับคดีของบางประเทศ เช่น ประเทศสิงค์โปร์ ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่การยื่นฟ้อง มีกระบวนการเปิดเผยข้อมูลของทรัพย์สินของลูกหนี้และเจ้าหนี้ การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ สามารถทำได้รวดเร็ว สำหรับการบังคับคดีในไทย ปัญหาคือการเข้าถึงข้อมูลของลูกหนี้ ที่ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล หน้าที่ในการติดตามทรัพย์สินเป็นหน้าที่ของเจ้าหนี้ เช่นเดียวกับในประเทศอื่น ๆ ในการประชุมครั้งนี้ กรมบังคับคดีได้นำเสนอผลงานวิจัย เรื่อง “การบังคับคดีกับสินทรัพย์ดิจิทัล” ในที่ประชุมและได้รับการชื่นชมผลงานวิจัยดังกล่าว และกลุ่มประเทศยุโรปได้ขอนำงานวิจัยดังกล่าวไปศึกษาต่อไป การประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยด้วยการบังคับคดีแพ่งในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีถือเป็นการจัดประชุมครั้งแรกในหัวข้อนี้ และเพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ และสร้างความรับรู้เพื่อศึกษาเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้การประชุมอาเซียน จะมีการจัดขึ้นทุกปี โดยในปี 2563 จะเป็นเรื่องของการบังคับคดีล้มละลาย