ชาวบ้านได้ออกมาร้องเรียน ว่า มีเจ้าของอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง ที่ตั้งอยู่ริมถนนถนนท่าคราวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง เขตเทศบาลนครลำปาง ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ที่ถือว่าตั้งอยู่ในย่านที่มีผู้คนอยู่หนาแน่นในเมืองลำปาง ได้ถูกดัดแปลงอาคารด้านบน เพื่อต่อเติมทำเป็นสถานที่ล่อให้นกเข้า แล้วเป็นที่เลี้ยงนกนางแอ่น รวม 2 คูหา ทำให้ชาวบ้านโดยรอบรำคาญเสียงนกที่ร้องตลอดเวลา และเกรงปัญหาเชื้อโรคที่จะตามมา และโรคระบาดไข้หวัดนกที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้
ชาวบ้านรายหนึ่งที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ ซึ่งประกอบด้วย เทศบาลนครลำปาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง ได้เข้ามาตรวจสอบอาคารดังกล่าว โดยมีเจ้าของอาคารเดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ และมาเปิดอาคารให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบ อาคารทั้ง 2 คูหา 3 ชั้นครึ่ง มีชั้นดาดฟ้าถูกดัดแปลงเป็นช่องสำหรับให้นกนางแอ่นอยู่อาศัย โดยช่องบนสุดของเพดานมีช่องเปิดปิด เพื่อให้นกเข้า - ออก
นอกจากนี้ ยังพบว่า อาคารมีการดัดแปลงเป็นที่เลี้ยงนกทั้ง 2 คูหา โดยมีการติดลำโพงเล็กๆ และเปิดเสียงนกล่อให้นกเข้ามา โดยมีเครื่องเสียงติดตั้งด้านล่าง มีการตั้งเวลาเปิด - ปิดอัตโนมัติ และในอาคารมีการจำลองบรรยากาศคล้ายถ้ำ จำนวน 8 ห้อง มีการนำมูลนกมาวางกลางห้อง เพื่อดับกลิ่นปูน และมีการติดตั้งที่ทำความชื้น และสปริงเกอร์ขนาดเล็ก เพื่อสร้างความชื้นในห้อง รวมถึงโดยรอบยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดถึง 8 ตัว มีการต่อท่อระบายอากาศ บริเวณชั้น2 ออกมานอกอาคารด้วย
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบ ว่า มีการดัดแปลงอาคารไปก่อน โดยยังไม่มีการยื่นขออนุญาตกับทางเทศบาลนครลำปาง เจ้าของอาคารต้องระงับการดัดแปลง การใช้อาคารก่อน โดยทางเทศบาลจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.อาคาร 2522 และจะมีการตรวจสอบผังเมือง ตาม พ.ร.บ.ผังเมืองด้วย ด้านความกังวลของผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงเรื่องเชื้อโรคระบาดนั้น ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง จะมีการสุ่มตัวอย่างนกไปตรวจหาเชื้อไข้หวัดนก และเชื้อโรคอื่นๆ ต่อไป ส่วนด้านสุขาภิบาลในอาคาร ให้ผู้ประกอบการควบคุมดูแลสะอาด ปลอดเชื้อ และมีการตรวจหาเชื้อโรคไข้หวัดนกอย่างน้อย 3 เดือนครั้ง โดยประสานไปยังปศุสัตว์จังหวัดลำปาง เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบในเรื่องของความสะอาด
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ชาวบ้านที่ทนไม่ไหวได้ออกมาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวในพื้นที่ ว่า ทุกวันนี้จะต้องทนกับเสียงนกที่ร้อนอยู่ตลอดเวลา เพราะยังพบว่าอาคารดังกล่าว ยังมีการเปิดเสียงล่อให้นกเข้าไปในบ้าน และมีเสียงการทำงานของเครื่องพ่นน้ำในอาคารตามปกติ มิได้มีการหยุดการใช้อาคารตามที่หน่วยที่เกี่ยวข้องที่เข้าตรวจสอบระบุ ว่า จะมีการออกหนังสือให้ระงับการใช้อาคารดังกล่าว
โดย นางมิตริกานต์ เหล่าวัฒนพงศ์ อายุ 66 ปี ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับอาคารดังกล่าวระบุ ว่า ก่อนที่ผู้ซื้ออาคาร ซึ่งเป็นนายทุนจากต่างจังหวัดจะเข้ามาอยู่ ได้บอกกับตนเองว่าจะซื้ออาคารทำเป็นสำนักงาน และสต๊อคเก็บหนังสือ ซึ่งเพื่อนบ้านก็ไม่ได้ติดใจอะไร เจ้าของอาคารก็เข้ามาต่อเติมอาคารจนเสร็จ ก็ไม่มีใครสนใจ กระทั่งเมื่อต้นเดือน ตนเอง และครอบครัวได้ยินเสียงนกร้องเพิ่มขึ้น แต่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ลูกชายจึงได้ขึ้นไปตรวจสอบตามเสียงนกบนดาดฟ้าของบ้านตัวเอง จึงพบว่า มีเสียงนกร้องออกมาจากดาดฟ้า และมีนกบินเข้าออกจากอาคารที่พึ่งถูกซื้อไป จึงรู้ว่ามีการเลี้ยงนก จากนั้นเสียงนกก็เริ่มดังมากขึ้น จากนกที่เข้ามาอยู่มาก ตนเองได้ไปบอกกับเพื่อนบ้านให้ทราบ ซึ่งทุกคนก็หวั่นเกี่ยวกับเรื่องเชื้อโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับนก ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา
“ทั้งนี้ จากการที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ และยังไม่มีการห้าม ไม้ให้เลี้ยงนกบนอาหารดังกล่าว ทำให้ตนเองรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนกับเจ้าหน้าที่จะปล่อยให้อาคารพาณิชย์หลังดังกล่าวเลี้ยงนกได้ หากมีการไปขออนุญาตดัดแปลง และใช้อาคารให้ถูกต้อง ซึ่งตนเองเห็นว่าไม่ถูกต้อง และคงไม่ยินยอมให้ดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะตนเองอยู่ที่นี่มากว่า 40 ปี และจะขอใช้ชีวิตในบั้นปลายสุดท้ายในชีวิตที่นี่ ตนเคยบอกเจ้าของอาคารไปแล้วว่า มีเงินก็ไปซื้อที่อื่นทำ แต่อย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น สามีของตนเองก็เป็นมะเร็ง และต้องพักรักษาตัวที่บ้าน ตนเองก็เป็นภูมิแพ้ หากต่อไปมีกลิ่น และเชื้อโรคต่างๆ เกิดขึ้นมากกว่านี้ ตนเองคิดว่าคงอายุสั้นแน่นอน”
ด้าน นางศุกลรัตน์ จันทร์มณี ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง ได้ให้ข้อมูลว่า หลังจากที่ได้เข้าตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ก็ขอให้ทางนายกเทศมนตรีเทศบาลนครลำปาง ออกหนังสือให้เจ้าของอาคารระงับการใช้อาคารแล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ออก ตนเองจะได้เร่งให้ดำเนินการโดยเร็วต่อไป



