วันที่ 23 เม.ย.นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) อาจมีมติแจกใบส้มให้นายธนาธร กิจรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีการโอนหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ว่า กระบวนการตรวจสอบกรณีของนายธนาธรตอนนี้แบ่งเป็น 3 ช่องคือ 1.การตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครส.ส. ซึ่งจะทำตั้งแต่วันสมัคร ถึงวันที่ 23 มี.ค. หากพบปัญหากกต.จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณา 2.กรณีเลือกตั้งไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. จนถึงก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ที่มีกำหนดว่าจะเป็นวันที่ 9 พ.ค. ก็จะมีการตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้ง ที่จะนำไปสู่การแจกใบเหลือง ใบแดง ใบส้ม เป็นอำนาจ กกต.วินิจฉัย ส่วนการขัดคุณสมบัติและลักษณะต้องตาม พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. ม.53 ก็ระบุว่าใช้สำหรับส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเท่านั้น และ3.หากประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้าพบส.ส.ที่รับรองไปแล้วขัดคุณสมับัติหรือลักษณะต้องห้ามอีก ก็ต้องไปร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายปิยบุตร กล่าวว่า กระบวนการที่ตรวจสอบกันอยู่นี้ถือว่าหมดเวลาไปแล้ว นายธนาธรเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 การตรวจสอบและการจะร้องเรียนจะทำตามข้อสองไม่ได้ เพราะใช้สำหรับส.ส.เขต หากจะไปรอส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับรองส.ส. จึงพยายามจะใช้ช่องแจกใบส้มคือ ช่องการทำให้การเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ ซึ่งกกต.มีอำนาจแจกใบเหลือง ที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ใบแดงเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและใบส้มตามม.132 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งกำหนดว่า ถ้ากกต.ไต่สวนแล้วมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้กกต.สั่งระงับสิทธิชั่วคราวไม่เกิน 1 ปี นายปิยะบุตร กล่าวว่า ถามว่าคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ มันคงละเรื่องเลย ถ้าจะตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในฐานผู้สมัครส.ส.ก็เลยมาแล้ว ถ้าจะตรวจสอบเรื่องนี้ต่อก็ต้องรอรับรองผลให้เป็นส.ส.ก่อน แล้วจึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา จึงขอยืนยันว่า เป็นการใช้กฎหมายคนละช่องคนละประตู จึงไม่มีที่ให้ใช้แจกใบส้มล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นเรื่องการเลือกตั้งไม่สุจริต ไม่ใช่คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามส.ส. ผมยืนยันว่า เป็นคนละเรื่องผิดฝาผิดตัว และหากจะใช้เรื่องนี้ต้องให้นายธนาธรชี้แจง ดังนั้นจึงพิจารณาว่า กกต.ไม่อาจแจกใบส้มได้วันนี้ เต็มที่คือแจ้งข้อกล่าวหาก่อน แล้วต้องให้นายธนาธรชี้แจงข้อกล่าวหา เพราะกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพต่อคนอื่น ซึ่งอนาคตใหม่พร้อมชี้แจงทั้งกฎหมายและข้อเท็จจริง สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีของนายธนาธรที่กกต.นั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า อยู่ในชั้นของคณะกรรมการช่วยยตรวจสอบสำนวน เพื่อทำความเห็นส่งกกต.โดยการตรวจมูลกรณีมีกรอบเวลาตรวจ 7 วัน ถ้าไม่มีมูลก็ยุติเรื่อง ถ้าเห็นควรสืบสนวนหรือไต่สวนก็ดำเนินการต่อ แต่ในกรณีของนายธนาธร กำลังอยู่ในขั้น ไต่สวน มีระยะเวลา 20 วัน ขยายเวลาได้ครั้งละ 15 วัน ไม่เกิน 2 ครั้ง คณะกรรมการช่วยตรวจสอบฯมีอำนาจในการเรียกคนไปชี้แจงได้ แต่ไม่เรียกนายธนาธร หรือ พรรคอนาคตใหม่ ไปชี้แจงเลย จึงให้ทีมไปยื่นเอกสารเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ก็หวังว่า จะถูกนำเข้าไปอยู่ในสำนวนแล้ว จากนั้นหลังไต่สวนก็จะสรุปว่า แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธรหรือไม่ ซึ่งหากวันนี้มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธรตามกระแสข่าวจริง ตามกฎหมายบังคับว่าต้องให้นายธนาธรมาชี้แจงแสดงพยานหลักฐานต่อไป "ผมเห็นใจกกต.ที่ต้องทำหน้าที่ตามระบบเลือกตั้งใหม่ ขอให้ยืนอยู่กับหลักให้มั่น กกต.ต้องอยู่ต่อไปอีกนาน เพื่อจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและยุติธรรม คสช.กำลังจะพ้นอำนาจ หากกกต.ยังยืนยันดึงดันจะแจกใบส้มให้ได้วันนี้ โดยไม่ให้นายธนาธรเข้าไปชี้แจง ผมกังวลว่าสังคมไทยจะคิดว่า นี่เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งอาจมีปัญหาตามมา ในเมื่อข้อกฎหมายข้อเท็จจริงไม่เข้าข่ายการแจกใบส้ม ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ ดังนั้นความสุจริตจะเป็นเกราะกำบังให้ตัวท่านเอง ส่วนสื่อมวลชนบางสำนักที่ยังไม่ยอมรับว่าเข้าใจผิด แม้จะมีการแถลงตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนแล้ว การทำงานแบบนี้น่าจะเกิดแก่เหตุ หากสื่อสำนักไหนยังคาใจ ผมพร้อมดีเบต"นายปิยบุตรกล่าว