นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าฯกทม.เป็นประธานประชุมหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขต (แนวดิ่ง) ครั้งที่ 1/2562 ซึ่งที่ประชุมรายงานว่าตั้งแต่ 1 ต.ค.61-31 มี.ค.62 กทม.สามารถจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีป้าย ได้ดังนี้ ภาษีโรงเรือนฯ กำหนดเป้าหมาย 14,500 ล้านบาท จัดเก็บได้ 4,979.34 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34.34 ต่ำกว่าเป้า 9,520.66 ล้านบาท ภาษีบำรุงท้องที่ เป้า139.40 ล้านบาท เก็บได้ 78.72 ล้านบาท คิดเป็น 56.47 ต่ำกว่าเป้า 60.68 ล้านบาท และภาษีป้าย เป้า 900 ล้านบาท เก็บได้ 459.68 ล้านบาท คิดเป็น51.08 ต่ำกว่าเป้า 440.32 ล้านบาท สำหรับผลจัดเก็บภาษีรวม 3 ประเภท เป้าหมาย 15,539.40 ล้านบาท เก็บได้ 5,517.74 ล้านบาท คิดเป็น 35.51 ต่ำกว่าเป้า 10,021.66 ล้านบาท โดยเขตที่เก็บได้เกินเป้าในไตรมาสที่ 2 (เกินร้อยละ 40) 31 เขต เขตที่เก็บได้เกินเป้าสูงสุด 3 ลำดับแรกคือ เขตบางขุนเทียน วังทองหลาง และทวีวัฒนา รองผู้ว่าฯกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีพ.ร.บ.ภาษีและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 ประกาศใช้แทนภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องถิ่นเดิม โดยนำมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาคำนวณภาษี เนื่องจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในกทม. มีจำนวนมาก ก่อนจัดเก็บภาษีต้องสำรวจ และทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อแยกประเภท จำนวน ขนาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและรายละเอียดอื่นๆ ที่จำเป็นในการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยให้สำนักการวางผังและพัฒนาเมืองจัดทำโครงการดังกล่าวร่วมกับสำนักการคลัง เพื่อให้ได้ข้อมูลและสิ่งปลูกสร้างที่มีรายละเอียดครบถ้วน เพียงพอสำหรับประเมินภาษี ซึ่งการสำรวจต้องแล้วเสร็จให้ทันจัดเก็บภาษีในปี 63 ซึ่งฝ่ายรายได้ทุกเขตจะต้องศึกษาพ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและจัดเก็บได้ถูกต้อง