ชาวบ้านปรับพื้นที่นาข้าวเปลี่ยนไปทำนาบัวเพื่อเก็บฝักบัวส่งขายสร้างรายได้เข้าครอบครัวปรากฏว่าได้ผลเกินคาดสามารถเก็บฝักบัวส่งขายได้ทุกวันเฉลี่ยแต่ละวันจะมีรายได้จากการขายฝักบัวไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท
นางธนพร จันทร์หอม อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 4 บ้านดอนกลาง ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร กล่าวว่าตนได้ปรับพื้นที่นาจำนวน 7 ไร่ เปลี่ยนมาทำเป็นนาบัวเพื่อเก็บฝักบัวส่งขายเป็นรายได้เข้าครอบครัว ใช้เวลาปลูกประมาณ 4 เดือน นาบัวก็จะให้ผลผลิตสามารถเก็บฝักบัวส่งขายได้ ที่สำคัญการทำนาบัวทำได้ง่ายปลูกง่ายดูแลง่ายไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีและเหมาะสำหรับในพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีน้ำท่วมขังตลอดปี หลังจากที่นาบัวออกฝักแล้วก็จะสามารถเก็บฝักบัวส่งขายได้ทุกวันต่อเนื่องนานประมาณ 3 เดือน จากนั้นก็จะไถกลบให้ต้นบัวขึ้นต้นใหม่อีกรอบ ซึ่งปกตินาบัวจะออกฝักในช่วงหน้าร้อนของทุกปีจึงทำให้ฝักบัวเป็นที่ต้องการลูกค้าขายดีจนแทบไม่พอขายในแต่ละวัน
นางธนพร ยังกล่าวอีกว่าการที่ตนหันมาปลูกนาบัวเพราะที่นาของตนมักจะประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทุกปีจึงทำให้การทำนาข้าวไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควรตนจึงได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่นาข้าวบางส่วนมาลองทำเป็นนาบัวดูบ้างโดยได้ซื้อต้นพันธุ์บัวมาจากจังหวัดอุบลราชธานีมาปลูกในพื้นที่นาข้าวเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว ปรากฏว่านาบัวเจริญเติบโตได้ดี ขณะนี้ตนทำนาบัวทั้งหมดประมาณ 7 ไร่ และมีนาบัวที่ให้ผลผลิตกำลังเก็บฝักบัวส่งขายได้ประมาณ 4 ไร่ โดยตนจะเน้นทำนาบัวอินทรีย์จะไม่ใช้สารเคมีจึงทำให้เม็ดบัวกรอบและมีรสหวานเป็นที่ต้องการของลูกค้าจนต้องเร่งเก็บฝักบัวส่งขายให้กับลูกค้าเป็นประจำทุกวัน ซึ่งจะมีทั้งลูกค้าประจำที่รับซื้อไปขายต่อและตนนำไปเดินเร่ขายเองซึ่งก็จะขายหมดทุกวัน โดยตนจะขายฝักบัวอยู่ที่ราคามัดละ 20 บาท (มัดละ 4 ฝัก)แต่ถ้าขายส่งจะขายอยู่ที่ 8 มัด ต่อ 100 บาท เฉลี่ยแล้วตนจะมีรายได้จากการขายฝักบัวไม่ต่ำกว่าวันละ 2,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่ดีในช่วงหน้าแล้งนี้เมื่อเทียบกับการทำนาข้าว และในอนาคตตนมีแผนที่จะขยายพื้นที่ทำนาบัวเพิ่มขึ้นอีกเพราะการทำนาบัวเป็นการสร้างรายอย่างดีสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ดีกว่าการทำนาข้าว