“กฤษฎา” ลงแปลงเกี่ยวข้าวโพดหลังนาจังหวัดตาก ชี้ความสำเร็จโครงการปลูกข้าวโพดหลังนาฯ สร้างรายได้แก่เกษตรกรจริง ผลผลิตเฉลี่ย 1,000 กก./ไร่ คาดเก็บเกี่ยวเสร็จภายในพฤษภาคมนี้ เมื่อวันที่ 3 เม.ย.62 นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดงานวันเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา และงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ปี 2562 พร้อมลงแปลงขับรถเกี่ยวข้าวโพดในแปลงสาธิต และขับรถไถกลบเศษวัสดุการเกษตร รวมทั้งเยี่ยมชมจุดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของสหกรณ์การเกษตรบ้านตาก จำกัด และการสาธิตกระบวนการตรวจวัดความชื้นและการกำหนดราคารับซื้อข้าวโพดตามคุณภาพผลผลิต ซึ่งสหกรณ์ฯ ได้รับซื้อผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร ความชื้น 30 % ราคา 6.26 บาท/กก. แต่หากเกษตรกรนำมาแปรสภาพให้เหลือความชื้นไม่เกิน 14.5% จะขายได้ 8.00 บาท/กก. เพื่อส่งจำหน่ายให้กับผู้แทนบริษัทเบทาโกร จำกัด (มหาชน) ก่อนส่งเข้าโรงงานผลิตอาหารสัตว์ โดยมีนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกิจกรรม ณ แปลงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรบ้านดงยาง หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งกระเซาะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก นายกฤษฎา กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา เพื่อปรับสมดุลของปริมาณการผลิตข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งช่วยให้เกษตรกรมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงยั่งยืน ตลอดจนเพื่อให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีเสถียรภาพในการผลิตสินค้า ลดการพึ่งพาจากภายนอกประเทศ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดตาก มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก จากเป้าหมายเดิม 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตาก อำเภอบ้านตาก อำเภอสามเงา และอำเภอวังเจ้า พื้นที่เป้าหมาย 6,163.38 ไร่ จากผลการดำเนินงาน ส่งผลให้จังหวัดตากมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 2,882 ราย พื้นที่ 25,070.75 ไร่ ในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ (ยกเว้นอำเภออุ้มผาง) สำหรับผลผลิตทั้งหมดที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมนี้ มีปริมาณ 25,543 ตัน สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในโครงการฯ และนำรายได้เข้าสู่จังหวัดตากไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท "ความสำเร็จของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ในอำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดในระหว่างที่ปลูกข้าวโพด แต่เมื่อเกษตรกรเก็บเกี่ยวและขายข้าวโพดแล้วยังได้กำไรไร่ละ 2,300-2,500 บาท ส่วนในอำเภออื่นๆ ก็ได้กำไรไร่ละ 3,000-3,500 บาท เช่นกัน นอกจากนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนามากกว่าการปลูกข้าวเหมือนที่เคยทำมา โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแลตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งขายผลผลิตอย่างครบวงจรซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปภาคการเกษตรของนายกรัฐมนตรี ที่เน้นส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชตามความต้องการของท้องตลาดและต้องมีตลาดรองรับ"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว ด้าน นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดตาก มีสหกรณ์ เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 7 แห่ง สมาชิกเข้าร่วมโครงการปลูกข้าวโพดรวม 348 ราย พื้นที่รวม 3,002 ไร่ ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ตาก จำกัด สหกรณ์การเกษตรบ้านตาก จำกัด สหกรณ์นิคมแม่สอด จำกัด สหกรณ์การเกษตรแม่สอด จำกัด สหกรณ์นิคมแม่ระมาด จำกัด สหกรณ์การเกษตรแม่ระมาด จำกัด และสหกรณ์การเกษตร พบพระ จำกัด จากการคาดการณ์ปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จังหวัดตากที่ดำเนินตามโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา จะสามารถรวบรวมผลผลิตได้จำนวน 25,543.62 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 1,000 กก./ไร่ ขณะนี้ได้ดำเนินการเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว ประมาณ 2,283.25 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 9.11 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยสหกรณ์ในจังหวัดตากทั้ง 7 แห่ง ได้เตรียมความพร้อมเปิดจุดรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรในแต่ละอำเภอ คาดว่าผลผลิตจะทยอยเก็บเกี่ยวระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2562 นี้ จึงจะแล้วเสร็จทุกพื้นที่ โดยเกษตรกรจะได้ผลตอบแทนไร่ละ 5,950 บาท เมื่อเทียบกับการปลูกข้าวนาปรังให้ผลตอบแทนไร่ละ 3,300 บาท ดังนั้น เกษตรกรที่หันมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา จึงได้ผลตอบแทนมากกว่าปลูกข้าวนาปรัง 2,650 บาทต่อไร่ ทำให้เกษตรกรจังหวัดตากลดพื้นที่นาปรังแล้วหันมาปลูกข้าวโพดตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความพึงพอใจกับโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีรายได้เพิ่มมากขึ้น