พวกหัวนอกคิดเปลี่ยนประเทศ เอือมซ้ายตกขอบ "จุรินทร์"ปัดจับมือ หญิงหน่อยตั้ง รบ. "บิ๊กแดง" ฮึ่ม! ซัดพวกเผ่นนอกหนีคดีไม่ยอมรับกติกา แพ้แล้วไม่มีน้ำใจนักกีฬา จวก"ซ้ายตกขอบ"ยกทฤษฎีต่างชาติ ดัดจริตคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง หยุดวาทกรรมแบ่งแยกประชาธิปไตย-เผด็จการ สุมไฟสงครามกลางเมือง ยอมรับ"โซเชียล"ทรงอานุภาพกว่าอาวุธ ยันยุคนี้ทหารเปลี่ยนแปลงเป็นทหารอาชีพ กลับสู่กรมกอง ไม่เกี่ยวการเมือง ต่างชาติชื่นชม ขึ้น"แม่ง"คนไทยตีกันเอง "จุรินทร์"ปัดข่าวจับมือ"หญิงหน่อย"ตั้งรัฐบาล ยัน"ปชป."ไม่เคยมอบหมายให้ใครไปเจรจา "เลขาธิการ กกต."ยันไม่มีธงแจก"ใบเหลือง - ใบแดง" ลั่นทุกสำนวนยังอยู่ระหว่างสอบสวน เร่งรวบรวมความเห็น "กรธ.-สนช."ก่อนชง กกต.เคาะสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์สัปดาห์นี้ ที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 เม.ย.62 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงว่า ประเทศเพื่อนบ้านมีความเข้าใจสถานการณ์ในประเทศโดยเฉพาะเรื่องการเมือง และให้ความร่วมมือในทุกด้านมาอย่างดีโดยตลอด ซึ่งเดิมตั้งใจเขียนเป็นข้อความ แต่ได้นั่งคิดมา 2 คืนแล้ว แต่เมื่อคืนวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ออกสารถึงประชาชน ฉะนั้นตนจึงตัดสินใจไม่ทำเป็นสาร และจะสรุปเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นให้ประชาชน และสื่อมวลชนเข้าใจ ทั้งนี้ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างชาติว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องเดินไปตามวิถีทางของท่านทางการเมือง และกองทัพบกจะต้องกลับไปอยู่ในส่วนของกองทัพบก หรือมาเป็นทหารอาชีพ จึงอยากให้ประชาชน และนิสิต นักศึกษา เข้าใจว่าปัจจุบันกองทัพบกเปลี่ยนแปลงไปมากจะเห็นได้ว่ามีความสง่างามในทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกำลังพล เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาค และ ผบ.หน่วยทั้งหลายเป็นต้นแบบให้ทหารในกองทัพบก ในนามของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ทั้งเรื่องระเบียบวินัย ลักษณะทหารที่ดี การสร้างระเบียบวินัย และการนำสิ่งต่างๆ เหล่านี้เข้าไปขยายในครอบครัวทหาร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า เรื่องการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกองทัพยอมรับว่ากองทัพมีจุดอ่อนในเรื่องของการใช้โซเชียล ในขณะที่สื่อบางชนิดหรือบางแบบสามารถที่จะเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของ generation อีก Generation หนึ่ง หรือคนยุคใหม่ซึ่งในการรับรู้ก็เพียงแต่จะให้คนรับรู้ในส่วนเช่นเดียวกับข่าวที่ตนพูดออกไปยาวๆ แต่ไปตัดให้คนรู้เพียงสั้นๆและปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อโซเชียลนั้นเป็นทรงอานุภาพยิ่งกว่าอาวุธที่กองทัพมีอยู่การไม่ยอมรับกติกาในปัจจุบันนั้นเรามีกติกากันอยู่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหน้าที่ถ้าจะพูดกันให้เข้าใจก็เหมือนการแข่งขันฟุตบอลประเทศแบบฟุตบอลแพ้แต่คนเชียร์ไม่แพ้ มันไม่ใช่ "ถ้าประเทศไทยไม่ยอมรับกติกาที่มีอยู่ แบ่งแยกระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมา ผมถามว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือเป็นเผด็จการ ผมถามว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันหรือไม่ วาทกรรมนี้ถูกแบ่งมาเพื่ออะไรเพื่อแบ่งแยกประชาชนที่ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตามที่ได้คะแนนเสียง 8 ล้าน 7 ล้าน 4 ล้าน 5 ล้านมารวมกัน เป็น20 หรือ 30 ล้านเสียง นั่นหมายความว่า ต้องการให้เกิดสงครามกลางเมืองที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหรืออย่างไร ในวันนี้ยังคิดถึงกันแบ่งฝ่ายแบ่งแยกกันอยู่ ทำไมไม่เคารพกติกาแล้วก็ไปสู้กันในรัฐสภา ในชีวิตเห็นทั้งการปฏิวัติ รัฐประหาร การเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้กระทั่งสัตยาบันที่ทำกันตั้งแต่สมัย 2534 มีนักการเมืองหลายท่านลงสัตยาบันกัน ทั้งท่านมนตรี พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ลงสัตยาบันจะตั้งพรรคการเมืองกัน และจะตั้งรัฐมนตรีกัน ท้ายที่สุดแล้วก็ฉีกสัตยาบันทิ้ง นี่คือวาทการเมือง เกมของการเมือง เป็นกิจกรรมเป็นของทางการเมือง ซึ่งถูกชี้นำแนะนำโดยนักการเมืองแบบเดิมๆหรือพวกซ้ายตกขอบ" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า "คนที่ยอมรับกระบวนการตัดสิน หลายท่านมีเงินพร้อมที่จะหนีออกนอกประเทศ แต่ท่านยอมรับกระบวนการในการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมไทย มิใช่ทำอะไรผิดแล้วก็บอกว่าตัดสินแบบนี้ยอมรับไม่ได้ ไม่เคยยอมรับกระบวนการ แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อศาลสูง ศาลฎีกาเป็นผู้ทรงอำนาจด้านการยุติธรรมสูงสุดของประเทศ" ผบ.ทบ. กล่าวอีกว่า ขอร้อง นิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์ ข้าราชการหลายท่านไปร่ำไปเรียนศึกษาต่างประเทศกันมา ไม่ว่าจะประเทศใดก็ตาม ท่านไปเรียน บางท่านได้ทุนของราชการไป หรือได้ทุนของในวังไปไปร่ำไปเรียนมา แต่สิ่งที่ท่านไปร่ำไปเรียนมา ผมขอเน้นอย่างว่าท่านไปเรียนระบอบประชาธิปไตยของประเทศอะไรมา ผมไม่ได้ว่า แต่ระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยของตัวเอง ท่านลองถามตัวเองว่าเมื่อท่านไปอยู่ประเทศอื่น ไปศึกษาไปเรียนหรือไปเที่ยวประเทศอื่น ทำไมท่านจะต้องปรับตัวให้เข้ากับประเทศอื่นตามระบอบประชาธิปไตยของประเทศนั้น "ขอให้รักกัน จะไปร่ำไปเรียนที่ไหนมา ไปเอาตำราประเทศไหน ไม่อยากจะเอ่ยชื่อเอาของเขามาแล้วมาดูด้วย ว่าควรจะมาดัดแปลง แต่ไม่ใช่พยายามจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข อย่าไปเอาความซ้ายจัดที่ไปเรียนมา แล้วมาดัดจริต ประเทศอื่นเขาไม่มีที่จะมีแบบนี้ นี่คือเมืองสยาม เมืองแห่งรอยยิ้ม เมืองที่เรามีระบอบประชาธิปไตยของเราแบบนี้" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่ประชาธิปไตยแบบไทยๆต้องการ คือ มีคนไทยรักกัน หันหน้าเข้าหากัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ท่านคือคนไทย กรีดเลือดมาก็เป็นคนไทย เลือดบรรพบุรุษของท่านที่ได้กรีดมาก็เป็นเลือดบรรพบุรุษที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทย วันนี้ตนพูดเยอะพูดแรงก็ขอให้ฝากไปด้วยให้หยุดวาทกรรมที่มันเกิดขึ้นในปัจจุบันเสียที ปล่อยให้ไปตามครรลอง ใครไม่ดีต้องพิสูจน์กันด้วยงาน ด้วยฝีมือ ถ้าตนทำไม่ดี ก็ต้องถูกย้าย ฉะนั้นทุกคนขอให้โอกาสกัน เกมใครเกมมัน ในเมื่อกรรมการตัดสินแล้วก็มาโทษกรรมการมวยชกกันไอ้นี่แพ้ก็มาโทษกรรมการถ้าเป็นแบบนี้ไม่มีวันจบวัฏจักรแห่งการล้างแค้น แห่งการไม่พึงพอใจกัน ไม่มีวันจบทำอย่างไรถึงจะให้จบ ตนบอกไปแล้ว "ต่างชาติมีแต่ชื่นชม แต่ที่เขาขำก็ขำ แม่งตีกันเอง ทะเลาะกันเองเออดีเว้ย เศรษฐกิจจะได้พังไง แล้วใครได้ดี คนอยู่ต่างประเทศมีความสุขสบาย อยากจะไปไหนก็ไป อยากจะทำอะไรก็ทำ วันนี้ผมจะพูดกับสื่อต่างชาติเชิญสื่อต่างชาติมา ทุกวันนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นในประเทศไทยมีคนประเภทแบบนี้อยู่ในประเทศคุณบ้างแล้วทำแบบนี้ต่างชาติจะรู้สึกอย่างไร อยากฟังคำตอบไม่ว่าจะเป็นคำตอบ แต่สื่อที่ยืนอยู่ตรงนี้คนไทยด้วยกัน ผมถามว่าคนรวยมีอำนาจไม่ต้องติดคุกหรืออย่างไรไม่ยอมรับกติกาหรือยอย่างอะไร แล้วคนที่เขามีเงิน มีอำนาจแล้วที่ติดคุกทำไมไม่ดูตัวอย่างไม่สงสารเขาบ้าง ทำไมเขายอมรับ" ผบ.ทบ.กล่าว วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ระบุว่า มีผู้ปรารถนาดีส่งข่าวที่กำลังเผยแพร่ในไลน์มาให้ดู ข้อความที่ปรากฏคือ "ด่วน เรื่องจริงไม่อิงนิยาย คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พบคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้า ปชป. ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เราจะเห็นการเมืองเลิกสีเสื้อในอีกไม่นาน ปชป.จะทำการเมืองแบบใหม่แน่นอนครับ" ทั้งนี้ เพื่อจะสื่อว่าผมได้พบกับพรรคเพื่อไทยเพื่อการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีภาพประกอบส่งมาด้วย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ จึงขอปฏิเสธว่า "ไม่เป็นความจริง" และภาพที่นำมาประกอบ ก็เป็นภาพเหตุการณ์ในงานวันเกิดหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา และปรากฏให้เห็นชัดเจนในหนังสือพิมพ์ในวันต่อมาอยู่แล้ว แม้จะคนละภาพแต่ก็มีตัวบุคคลเดียวกันและถ่ายในเหตุการณ์เดียวกัน อย่างไรก็ตามในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลนั้น พรรคยังไม่เคยได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้และไม่ได้มีการมอบหมายให้ผู้ใดไปเจรจาทั้งสิ้น จึงขอความกรุณาทุกท่านได้โปรดเข้าใจตามนี้ครับ ด้าน นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่หลายสมัย พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็น ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า "ฝ่ายค้านอิสระ" คือฝ่ายค้านที่ไม่ต้องอยู่ในอาณัติคำสั่งของ "ผู้นำฝ่ายค้าน" ในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ ตามข้อบังคับพรรค กำหนดให้การตัดสินใจว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล หรือถอนตัวจากรัฐบาล เป็นมติของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารซึ่งต้องรอให้มีการเลือกชุดใหม่ก่อน และ ส.ส. ที่ได้รับการรับรองแล้ว ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการประชุมชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาและข้อโต้แย้ง ว่า คณะอนุกรรมการทั้ง 35 ชุด ต้องทำหน้าที่กลั่นกรองและให้ความเห็นในสำนวนการสอบสวน โดยผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับพยานและหลักฐาน ข่าวที่ระบุว่า กกต.ตั้งเป้าหรือมีธงไว้แล้ว 110 เขต จึงไม่เป็นความจริง เพราะกระบวนการยังอยู่ระหว่างพิจารณาคำร้อง ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จสิ้นโดยไว และรวดเร็ว ขณะนี้มีคำร้อง 264 เรื่อง ซึ่งยังไม่ถือว่าเป็นสำนวนทั้งหมด เพราะจะรับไว้สอบสวนต่อเมื่อคดีมีมูลความผิด โดยกกต. รับไว้สอบสวนแล้ว 142 สำนวน และยังมีคำร้องที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 147 เรื่อง โดยประเด็นเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามามากที่สุด พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้มีการเปิดเผยสูตรคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ว่า ประเด็นสูตรคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ กกต.ยังไม่มีมติ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้สูตรคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วย ส.ส. แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องมีต้นแบบการคำนวณ ซื่งกกต.จะได้รวบรวมทุกความเห็นและข้อโต้แย้ง รวมทั้งศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีคำตอบกับสังคม กกต.ไม่ได้เป็นผู้ร่างกฎหมาย เป็นเพียงผู้ใช้กฎหมาย และยืนยันว่าที่ผ่านมา กกต.ยังไม่ได้เริ่มคำนวณเลย ส่วนเรื่องจุดทศนิยม หรือการปัดเศษต่างๆ ตนยังไม่ขอตอบ แต่ขอให้มั่นใจว่ากกต. รับฟังทุกข้อโต้แย้ง เมื่อถามว่าจะต้องเชิญคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มาให้ความเห็นหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า สูตรคำนวณ เป็นเรื่องคณิตศาสตร์ที่นำมาเขียนเป็นกฎหมาย กกต.จึงต้องรับฟังทั้งความเห็นของกรธ.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่ามีเจตนารมณ์ในการเขียนกฎหมาย และการตีความกฎหมายนี้อย่างไร ทั้งนี้ เมื่อกกต. มีมติออกมาก็อาจจะเผยแพร่ และชี้แจงกับประชาชน ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในวันที่ 9 พ.ค. อย่างไรก็ตาม ประเด็นสูตรคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ไม่ได้กดดันการทำงานของกกต. เพราะเป็นเรื่องที่ต้องตีความ และวินิจฉัยไปตามข้อกฎหมาย เมื่อถามถึงการล่ารายชื่อถอดถอนกกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เราก็ได้ชี้แจงไปหลายประเด็น ทั้งข้อสงสัยในช่วงก่อนการเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้ง โดยกกต.ได้เปิดเผยทั้งหมด ขั้นตอนการเก็บรักษาบัตร การส่งบัตรเลือกตั้ง ก็เปิดเผยไปแล้ว ข้อสงสัยที่เกิดในช่วงหลังเลือกตั้งเราก็พยายามชี้แจง แต่อาจไม่ทัน เพราะมีเยอะมาก จึงขอให้ฟังเหตุผลด้วย ในสังคมประชาธิปไตย ยึดเหตุผลเป็นหลัก