ในขณะที่ศึกแย่งชิงอำนาจ ศึกชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กำลังร้อนแรงระหว่างพรรคการเมือง สาย “ทักษิณ ชินวัตร” กับพรรคการเมืองของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
กองทัพ ก็แสดงบทบาท ที่ทำให้การเมือง ร้อนแรง เมื่อ “บิ๊กกบ” พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการมูลนิธิโรงเรียนเตรียมทหาร ก็เรียกประชุมและมีมติให้ ปลดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เตรียมทหาร 10 ออกจากทำเนียบฯศิษย์เก่าดีเด่น และเรียกคืนรางวัล “เกียรติยศจักรดาว” ที่ได้มอบให้ ในปี 2534
ก่อนที่จะนำ พล.อ.พรพิพัฒน์ จะนำ ผบ.เหล่าทัพ ตบเท้า แสดงจุดยืน แบบพร้อมหน้า ครั้งประวัติศาสตร์และเป็น ปฏิกิริยาแรก ของ กองทัพ หลังการเลือกตั้ง และการชิงจัดตั้งรัฐบาล
พล.อ.พรพิพัฒน์ ในฐานะผู้บัญชาการคณะผู้บัญชาการทหารนำ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่ปรึกษาคณะผู้บัญชาการทหาร แถลงข่าว หลังการประชุมวาระพิเศษ ที่ ร.11 รอ.
ชี้เหตุผล ที่ต้องเชือด ทักษิณ แม้จะเป็น รุ่นพี่ เตรียมทหาร 10 ก็ตาม เพราะรางวัลเกียรติยศจักรดาวเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศดังนั้นผู้รับจะต้องรักษาเกียรตินั้นไว้ให้ได้ หากมีข้อมูลใดที่ผู้นั้นไม่สามารถที่จะรักษาเกียรตินั้นไว้ได้ เราก็ต้องเรียกคืน
“ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคน ก็รู้ดีว่าเหตุผลคืออะไร ได้เห็นทั้งในเว็บไซต์ ในโซเชียลต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่รบกวนจรรยาบรรณของทหาร และหลักนิยมทหาร ถ้ามีการจาบจ้วงและไม่รู้จักที่สูง ที่ต่ำ ก็ถึงเวลาที่เราต้องตัดสินใจ” พล.อ.พรพิพัฒน์ ระบุ
พร้อม ตอกย้ำหลายครั้ง กับคำว่า “ไม่รู้ที่สูง ที่ต่ำ” และ “จาบจ้วง”
นอกเหนือจากการที่ ถูกปลด ถอดยศตำรวจ ไปแล้วก่อนหน้านี้ และถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี
ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีการลบชื่อศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารดีเด่น ออกจากทำเนียบเกียรติยศ และเรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว
โดยที่ทักษิณ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งคนแรก ที่เป็นศิษย์เก่าเตรียมทหาร ถูกลบชื่อออก
อันถือว่าเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนอย่างหนึ่งของผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดนี้ที่ก็ล้วนเป็นสมาชิกคสช.
ที่สำคัญการตบเท้ายืนแถวครบแผงของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณถึง ยืนของกองทัพในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลด้วย
พล.อ.พรพิพัฒน์ ย้ำจุดยืนในการปฏิบัติตามพระบรมราโชวาท ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่สนับสนุนให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และถือเป็นความสำคัญเร่งด่วนสูงสุด
รวมทั้งประกาศ จุดยืนของกองทัพและตำรวจในการปกป้องสถาบันหลักของชาติและภารกิจสำคัญ นับจากนี้ คือการเตรียมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ให้ยิ่งใหญ่และสง่างามที่สุด
ด้วยเพราะในวันที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตบเท้าครบแผงแถลงข่าวนี้ ต่างก็ได้มาร่วมซ้อมกระบวนพยุหยาตราสถลมารคในการเสด็จเลียบพระนคร ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ด้วยนั่นเอง
โดยผู้บัญชาการเหล่าทัพ ร่วมเดินเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ในวันพระราชพิธีจริง
ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ ซึ่งเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904( ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) จะไปทำหน้าที่ผู้บังคับแถวแซงเสด็จ ใกล้ชิดพระราชยาน ที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แม้ว่า “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ จะไม่ได้แสดงความเห็นในการแถลงข่าวครั้งนี้
แต่ในวันเลือกตั้ง “บิ๊กแดง” ได้กล่าวถึงสถานการณ์ว่า หากประชาชนปฏิบัติตามพระบรมราโชวาท และพระราโชบาย บ้านเมืองก็จะเรียบร้อย
โดยไม่ปฏิเสธหรือการันตีว่าจะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นหรือไม่ หลังการเลือกตั้ง หากเกิดความวุ่นวายในการชิงจัดตั้งรัฐบาล
การแสดง จุดยืนของผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งประวัติศาสตร์ พี่มากันพร้อมหน้าครั้งแรก โดยมี พล.อ.ณัฐ ปลัดกลาโหม ในฐานะที่ปรึกษาคณะผู้บัญชาการทหาร มาร่วมแถมยืนแถลงข่าวด้วยเป็นครั้งแรก
แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้นำทางทหารในยุคนี้ที่ก็ล้วนเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารทั้งเตรียมทหารรุ่น 18 และเตรียมทหารรุ่น 20
ที่ปฎิบัติการเชือด ทักษิณ รุ่นพี่เตรียมทหาร 10 และถูกมองว่า หนุน คนดี อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ รุ่นพี่เตรียมทหาร 12 อันกลายเป็นศึกสายเลือดเตรียมทหารที่ยังไม่มีวันจบ
เพราะก่อนหน้านี้ในการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกในเวลานั้น แกนนำ เตรียมทหารรุ่น 6 ก็หลอกให้ทักษิณ ตายใจคิดว่าจะไม่ปฏิวัติแต่ก็ถูกเชือด
แต่เพราะการปฏิวัติครั้งนั้น “เสียของ” ทำให้ขั้วอำนาจของ ทักษิณกลับมาอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง
การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ของ พล.อ.ประยุทธ์ และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา พี่รองในนาม “3 ป.บูรพาพยัคฆ์” ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวทักษิณ
ถือเป็นศึกสายเลือดเตรียมทหารภาค 2 เพราะในพี่น้อง3 ป. นั้น บิ๊กป้อม เป็นเตรียมทหารรุ่น 6 บิ๊กป๊อก เตรียมทหารรุ่น 10 และ บิ๊กตู่ เป็นเตรียมทหาร 12
โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ของทักษิณเองด้วย
ปฏิวัติครั้งนี้จึงทำอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เป็นนายกฯเองตั้งรัฐบาลทหารอยู่มา 5 ปี
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบนักการเมืองขั้นเซียน ตั้งพรรคพลังประชารัฐ โดยที่พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐเสียเอง และ จัดการเลือกตั้ง
จนที่สุดได้คะแนน ป็อปปูล่าโหวตมาเป็นอันดับ 1 ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ที่ไม่โปร่งใสของคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยเฉพาะการไม่ประกาศผลคะแนน 100% ในทันที
ในขณะที่พรรคการเมืองสาย ทักษิณ ประกาศจัดตั้งรัฐบาลก่อน
กองทัพก็ตบเท้า ประกาศหนุนคนดีให้ปกครองบ้านเมืองพร้อมเชือดทักษิณ สั่งสอนไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ และจาบจ้วงทันใด
กลิ่นแห่งความวุ่นวาย รออยู่เบื้องหน้า โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา
โดยที่กองทัพทั้งกองทัพก็กระโดดลงไปอยู่ในสนามการเมืองแบบเต็มตัว และแบบถอนตัวไม่ได้แล้ว
ชะตา ฟ้าลิขิต !!
