กรมประชาสัมพันธ์ จัดอบรมสื่อ แจงข้อมูล-ข้อปฏิบัติในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 27 มี.ค.กรมประชาสัมพันธ์ ได้จัดอบรมสื่อมวลชนงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ที่ พ.ศ.2562 โดยมีสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุกระจายเสียง สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ผู้ประกอบกิจการโครงข่าย ผู้ประกาศข่าว และผู้บรรยายข่าว เข้ารับการอบรมกว่า 100 คน เพื่อทำความเข้าใจ และชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อาทิ หมายกำหนดการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และพิธีทำน้ำอภิเษก การจัดขบวนพยุหยาตราสถลมารค การเตรียมตัวเพื่อเฝ้ารับเสด็จสำหรับประชาชน รวมถึงข้อปฏิบัติต่างๆของช่างภาพ และการบันทึกภาพในการรายงานข่าวงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้อย่างถูกต้อง โดยในส่วนของการแต่งการของสื่อมวลชนต้องใส่ชุดสุภาพ สุภาพบุรุษสูทสากล สุภาพสตรีชุดกระโปรง กล้องบันทึกภาพต้องผ่านการตรวจและติดสัญลักษณ์ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่สันติบาล ไลน์สดผ่านโซเซียลได้เฉพาะประชาชนเท่านั้น เป็นต้น หากฝ่าฝืนมารยาท ข้อควรปฏิบัติหรือไม่เชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ จะถูกในบริเวณอัศจรรย์ได้ ซึ่งก่อนจะเข้าไปในงานจะต้องผ่านจุดคัดกรอง นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย บรรยายในหัวข้อ “แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และพิธีทำน้ำอภิเษก” ซึ่งอยู่ในช่วงพระราชพิธีเบื้องต้น โดยได้กำหนดการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในวันเสาร์ที่ 6 เม.ย.62 ฤกษ์เวลา 11.52-12.38 น. รวมระยะเวลา 46 นาที ณ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวน 107 แหล่งน้ำ นอกจากนี้ มีแหล่งน้ำสรงมุรธาภิเษก จำนวน 9 แหล่งน้ำ ได้แก่ สระศักดิ์สิทธิ์ 4 สระ คือ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และน้ำจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 5 สาย คือ แม่น้ำบางปะกง จังหวัดนครนายก, แม่น้ำป่าสัก จังหวัดสระบุรี, แม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดอ่างทอง, แม่น้ำราชบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และแม่น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี สำหรับกรุงเทพมหานคร จะประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ ณ หอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวัง รวมแหล่งน้ำทั้งสิ้น 117 แหล่งน้ำ ซึ่งขณะนี้กระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมความพร้อมซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 70 เพื่อให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณีอย่างสมพระเกียรติที่สุด สำหรับพิธีทำน้ำอภิเษกทุกจังหวัดจะทำในวันจันทร์ที่ 8 เม.ย.62 ฤกษ์เวลา 17.10-22.00 น. ณ สถานที่ที่จังหวัดกำหนด และจะมีพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก ในวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.62 เวลา 10.00-12.00 น. ก่อนจะมีการเชิญคนโทน้ำอภิเษกของจังหวัดมาเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงมหาดไทย ในวันพุธที่ 10 เม.ย.62 เวลา 06.00-18.00 น. ยกเว้นกรุงเทพมหานครจะประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ ณ หอศาสตราคม ในพระบรมหาราชวังในวันที่ 12เม.ย.62 พร้อมเชิญคนโทน้ำมาเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงมหาดไทย และจะมีการซ้อมเดินริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษกในวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย.62 โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมซ้อมเดินริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษกในเวลา 06.00 น. จากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม และจากวัดสุทัศนเทพวราราม ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 18 เม.ย.62 เวลา 08.30 น. กระทรวงมหาดไทยจะมีการจัดริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษกจากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม และในเวลา 15.00 น. จะเป็นการประกอบพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม ณ วิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย.62 เวลา 06.30 น. จะจัดริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษก จากวัดสุทัศนเทพวราราม ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดูแลงานด้านจราจร กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้มีการกำหนดพื้นที่ปิดการจราจรในช่วงงานพระราชพิธีตั้งแต่วันที่ 2-6 พ.ค.ใน 3 ระดับ โดยเฉพาะวันที่ 5 พ.ค.ซึ่งเป็นวันสำคัญจะมีการปิดการจราจรจำนวน 21 จุดในรอบพื้นที่งานราชพิธี เช่น ถ.ราชดำเนิน ถ.อู่ทองใน ถ.พิษณุโลก เป็นต้น ในส่วนของการเดินทางของประชาชนที่เข้ามาร่วมงานพระราชพิธีนั้นคาดว่าจะมีประชาชนประมาณ 4 แสนคนเดินทางเข้าร่วมงาน โดยขอให้เดินทางโดยรถสาธารณะทั้งรถ รถไฟ และเรือ ซึ่งได้มีการจัดรถบริการรับ-ส่ง จากพื้นที่จอดรถทั้ง 4 มุมเมืองเพื่อเข้าพื้นที่ชั้นใน ซึ่งประชาชนที่จะเดินทางมานั้นต้องพกบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ต เพื่อแสดงตนในจุดคัดกรองก่อนเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งจะมีจุดคัดกรองตามจุดต่างๆโดยรอบพื้นที่ ส่วนการแต่งกายนั้นจะมีกำหนดอีกครั้ง ทั้งนี้ข้อห้ามของประชาชนที่เข้าร่วมงานคือ ห้ามไม่ให้พกอาวุธทุกชนิดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด