ตีปีก ดีใจ ถึงขนาดออกมาประกาศเป็นความสำเร็จด้วยความยินดียิ่ง สำหรับ แถลงการณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศแสดงความยินดีต่อกรณีที่ “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส” หรือที่หลายคนเรียกันติดปากว่า “ไอซิส” ขบวนการก่อการร้ายแรงอิสลามหัวรุนแรงที่มีพื้นที่อิทธิพลครอบครองบริเวณคาบเกี่ยวระหว่าง “ตอนเหนือของอิรัก” และ“ตะวันออกของซีเรีย” มีอันล่มสลายไป ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาแสดงยินดีในชัยชนะของกองกำลังติดอาวุธที่สหรัฐฯ สนับสนุนที่มีต่อกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส พร้อมระบุถึงการล่มสลายของขบวนการก่อการร้ายดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่ “แบกฮุซ” เมืองเล็กๆ ในซีเรีย ซึ่งเปรียเสมือนที่มั่นสุดท้ายของพวกเขาในเขตที่เรียกว่า “รัฐอิสลาม” ของ “ไอเอส” ที่ถูก “กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย” หรือ “เอสดีเอฟ” อันเป็นหนึ่งกองกำลังฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย สนธิกำลังกับ “กองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด” เข้าปฏิบัติการโจมตีกลุ่มไอเอสในเมืองดังกล่าว จนสามารถยึดที่มั่นสุดท้ายของไอซิสเป็นผลสำเร็จ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่สมาชิกของไอซิสส่วนหนึ่งได้ออกมาแสดงความจำนนต่อกองกำลังผสมข้างต้น ทั้งนี้ เมื่อว่าตามฉากหน้าที่เห็นก็ต้องบอกว่า ปิดฉากรัฐอิสลามของไอเอสที่ดำเนินมานานร่วม 5 ปีเต็ม บนดินแดนที่คาบเกี่ยวระหว่างตะวันออกของซีเรียและตอนเหนือของอิรักแห่งนี้ ซึ่งกินเนื้อที่มากกว่า 88,000 ตารางกิโลเมตร ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้สันทัดกรณีด้านความมั่นคง รวมถึงนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งทำเนียบขาว หรือแม้กระทั่งเหล่าผู้นำมหาอำนาจชาติตะวันตกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และประธานาธิบดีแอมานุแอล มากรง แห่งฝรั่งเศส เป็นต้น ได้พากันแสดงทรรศนะเชิงสะกิดเตือนด้วยความเป็นห่วงยิ่ง ไปในทิศทางเดียวกันว่า อย่าเพิ่งวางใจในสถานการณ์ความมั่นคง เพราะโลกยังคงเผชิญกับภัยก่อการร้ายจากกลุ่มไอเอสอยู่ ถึงแม้ว่ารัฐอิสลาม ถูกกำราบจนล่มสลายในเชิงพื้นที่ครอบครองไปแล้ว รวมถึงแม้กระทั่งชะตากรรมของ “นายอาบู บักร์ อัล-บักห์ดาดี” ผู้นำกลุ่มไอซิส ว่าเป็นตายร้ายดี ถูกปลิดชีพไปแล้ว ตามคำกล่าวอ้างจากฝ่ายความมั่นคงบางกลุ่มแล้วหรือไม่? ทั้งนี้ บรรดาผู้สันทัดกรณีล้วนชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า เพราะเหล่าพวกลูกสมุนของไอเอส ที่แตกกระสานซ่านเซ็นยังคงมีอยู่จำนวนไม่น้อย แถมมิหนำซ้ำยังกระจัดกระจายออกไปในหลายพื้นที่ หลากภูมิภาคอีกต่างหากด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางทิศตะวันตกของซีเรีย ที่ไปบ่มเพาะก่อร่างสร้างขบวนการกันใหม่ที่ “ลิเบีย” เช่นในเมืองเซิร์ท เป็นต้น รวมถึงประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาที่รัฐบาลกลางอ่อนแอ ขบวนการก่อการร้ายสามารถเข้าไปแทรกซึมลงหลักปักฐานได้ง่ายๆ ส่วนทางทิศตะวันออกของซีเรีย ก็อพยพหลบหนีเข้าไปยัง “อัฟกานิสถาน” ที่รัฐบาลกลางอ่อนยวบเช่นกัน โดยกลุ่มไอเอส เข้าไปประชันทางอิทธิพลกับกลุ่มตาลิบัน ที่นับวันดีวันดีคืนในประเทศย่านเอเชียกลางคาบเกี่ยวกับเอเชียใต้แห่งนี้ ใช่แต่เท่านั้น ยังอาจมีสมาชิกของไอซิสอีกส่วนหนึ่ง ที่หนีเล็ดรอดไปกบดานในภูมิภาคยุโรปเอง ก่อนสบโอกาสที่จะก่อเหตุก่อการร้ายสะเทือนขวัญเขย่าโลกกันอีกคำรบ นอกจากนี้ เหล่านักวิเคราะห์ยังแสดงทรรศนะด้วยความเป็นห่วงใยเป็นอย่างยิ่งด้วยว่า แม้กระทั่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อุษาคเนย์เรา บางประเทศ ก็น่าวิตกกังวลไม่น้อย อย่าง “ฟิลิปปินส์” เป็นต้น ซึ่งพื้นที่ภาคใต้ของประเทศหมู่เกาะแห่งนี้ ที่อำนาจรัฐบาลกลางอ่อนแอ ก็เสี่ยงที่จะกลายเป็นแหล่งกบดานของสมาชิกไอเอส โดยสมุนไอซิส เคยแผลงฤทธิ์สร้างวีรกรรมให้โลกต้องจดจำมาแล้ว ในปฏิบัติการยึดเมืองมาราวี บนเกาะมินดาเนา สมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ที่เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งเมืองผู้ดีอังกฤษ ก็ได้เตือนด้วยว่า แม้ขบวนการไอเอสถูกกำราบ แต่ก็เป็นการถูกปราบในเชิงพื้นที่ แต่ในส่วนอุดมการณ์ของความเป็นไอเอส ยังหาได้ถูกกำราบให้หมดสิ้นไปแต่ประการใดไม่