ร่วมกัน “ลงดาบ” ฟันกัน “เอกฉันท์” คือ “ตรงเป็นเสียงเดียว” ไม่มีเลี้ยวแตกแถว ถกเถียงกันอย่างวุ่นวาย สำหรับ มติของคณะลูกขุนแห่งศาลนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังใช้เวลานานถึง 5 วัน ในการพิจารณาคดีที่ว่าด้วยยาฆ่าหญ้าและกำจัดวัชพืช ตลอดจนปราบศัตรูพืช แบรนด์ดังอย่าง “ราวด์อัพ (Roundup)” ของ “ไบเออร์ (Bayer)” บริษัทเวชภัณฑ์ชื่อก้องในเยอรมนี ซึ่งมีส่วนผสมของ “ไกลโฟเซต (Glyphosate)” สารเคมีที่มีส่วนสำคัญทำให้ “นายเอ็ดวิน ฮาร์ดีแมน” ชายวัย 70 ปี ป่วยเป็น “โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง” จากการที่เขามีประวัติการใช้ยาฆ่าวัชพืชแบรนด์ดังนี้ตั้งแต่ระหว่างปี พ.ศ. 2523 – 2555 (ค.ศ. 1980 – 2012) หรือ 32 ปี ด้วยกัน อันเป็นช่วงที่เขาทำงานเป็นภารโรง แผนกคนสวน ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย การใช้ยาปราบศัตรูพืช “ราวด์อัพ” ในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ โดยการพิจารณาคดีข้างต้น ก็ถือเป็นคดีที่ 2 จากการฟ้องร้องคดีที่เกี่ยวกับยาฆ่าหญ้ายี่ห้อนี้ ซึ่งมีจำนวนมากถึง 11,200 คดี ด้วยกันในสหรัฐฯ ภายหลังจาก “คดีแรก” ซึ่งมีขึ้นที่รัฐเดียวกันนี้ คือ แคลิฟอร์เนีย เช่นกัน ทางศาลยุติธรรม ได้ตัดสินไปเมื่อราวปลายปีที่แล้ว ผลการพิจารณาคดี ปรากฏว่า คณะผู้พิพากษา ได้ตัดสินให้ “นายดีเวยน์ จอห์นสัน” โจทก์ที่ป่วยด้วย “โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง” เหมือน “นายฮาร์ดีแมน” เพราะใช้ยาฆ่าหญ้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ “แรงเจอร์โปร (RangerPro)” ของบริษัท “มอนซานโต (Monsanto)” อันมีส่วนผสมของสาร “ไกลโฟเซต” อีกเหมือนกัน เป็นฝ่าย “ชนะคดี” พร้อมกันนี้ ศาลก็ได้มีคำสั่งให้ “มอนซานโต” จ่ายเงินชดเชยเป็นค่าเสียหายให้แก่นายจอห์นสัน จำนวน 289 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่จะอุทธรณ์ต่อรองจนเหลือ 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเวลาต่อมา เกษตรกรรายย่อยที่ใช้ยากำจัดวัชพืช “ราวด์อัพ” ทั้งนี้ นายจอห์นสัน ได้รับการวินิจฉัยทางการแพทย์ว่าป่วยเป็น “โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง” ชนิด “น็อน- ฮอดจ์คิน (Non – Hodgkin Lymphoma)” เมื่อปี 2557 ซึ่งโรงมะเร็งดังกล่าว เป็นผลจากความผิดปกติในเม็ดเลือดขาว ก่อนเจริญเติบโตขยายตัวลุกลามออกไป เช่นเดียวกับในรายของ “นายฮาร์ดีแมน” ที่ถูกวินิจฉัยพบว่า ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือ ชนิด “น็อน-ฮอดจ์คิน (Non – Hodgkin Lymphoma)” เช่นกัน เหล่าคนงานที่ฉีดยากำจัดศัตรูพืชที่พื้นที่เกษตรแปลงใหญ่แปลงหนึ่ง กล่าวถึงยาฆ่าหญ้า ปราบศัตรูพืช “ราวด์อัพ” ที่กลายเป็นมัจจุราชพิฆาตชีวิตมนุษย์เรา ตามคำวินิจฉัยของคณะลูกขุนแห่งศาลรัฐแคลิฟอร์เนียข้างต้น เพราะมีสารเคมี “ไกลโฟเซต” เป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งสารเคมีที่ว่า เป็นอันตรายต่อชีวิตของมนุษย์เราเพียงใดนั้น ก็ถึงขนาดที่ทำให้ “สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสหรัฐฯ” หรือ “อีพีเอ”ได้ออกคำเตือนว่า ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเข้าไปในพื้นที่การเกษตรที่ฉีดยาฆ่าหญ้า ซึ่งมีสาร “ไกลโฟเซต” เป็นส่วนประกอบ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง นับตั้งแต่เกษตรกรฉีดพ่นยาลงไปในแปลงเกษตร อย่างไรก็ดี ทางอีพีเอ ก็ไม่ได้ออกข้อจำกัดการใช้สารชนิดดังกล่าว ว่าจะต้องใช้มากน้อยเพียงใด กระแสต่อต้านการใช้ยาปราบศัตรูพืช ขณะเดียวกัน ทางด้าน “สำนักงานวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ” หน่วยงานในสังกัดของ “อนามัยโลก” หรือ “ดับเบิลยูเอชโอ” หรือที่หลายคนเรียกกันสั้นๆ ว่า “ฮู” นั้น ได้เคยออกรายงานเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมาว่า “ไกลโฟเซต” สารเคมีที่ใช้เป็นส่วนผสมสำคัญของยาฆ่าหญ้ายี่ห้อดังนั้น “อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์” ด้วยความเป็นมฤตยูร้าย ก็ทำให้ในหลายประเทศ เช่น อิตาลี โปรตุเกส และนครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ได้ออกกฎหมายห้ามใช้สารไกลโฟเซต ในพื้นที่สวนสาธารณะกันแล้ว นอกจากนี้ ยังมีที่ศรีลังกา ก็ถึงห้ามใช้ยาปราบศัตรูพืชที่ผสมสารไกลโฟเซต ในพื้นที่ทางการเกษตร ตั้งแต่ปี 2558 แม้ว่าจะได้รับการคัดค้านจากบรรดากลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมของประเทศกันก็ตาม ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของประชาชนเป็นใหญ่ ท่ามกลางการถกเถียงที่มีต่ออันตรายของสารเคมีชนิดนี้ “ราวด์อัพ” หลังการครอบครองกิจการโดยไบเออร์ โดยในประเด็นของการถกเถียงถึงความเป็นอันตรายของสารเคมีดังกล่าว ล่าสุด ทาง “สำนักความปลอดภัยด้านอาหารแห่งยุโรป” หรือ “อีเอฟเอสเอ” ก็ได้รับการกระตุ้นเตือนจาก “ศาลยุติธรรมสหภาพยุโรป” ว่า ขอให้เปิดเผยในรายละเอียดเกี่ยวกับศึกษาวิจัยในความเป็นพิษ และความเป็นสารก่อมะเร็ง อันเป็นผลพวงสารไกลโฟเซต ที่ใช้ผสมในยาปราบศัตรูพืช เพื่อดำเนินการเผยแพร่เป็นข้อมูลข่าวสาร โดยมีผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งเป็นใหญ่ ให้ตระหนักถึงพิษภัยของมัจจุราช ที่มิใช่กำจัดแต่ชีวิตของศัตรูพืชแต่เพียงอย่างเดียว ทว่า ยังรวมถึงชีวิตของมนุษย์เรา ในฐานะผู้ใช้ ผู้บริโภค อีกต่างหากด้วย