“บิ๊กตู่" ทำเซอร์ไพรส์ โผล่เวทีใหญ่ พปชร. ปราศรัย 7 นาที ลั่นยอมตายเพื่อแผ่นดินนี้ ใครทรยศไม่ได้ ขอทุกคนอย่าเสียขวัญ เมื่อเวลา 19.17 น.วันที่ 22 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช.เดินทางถึงสนามเทพหัสดิน ซึ่งเป็นเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ด้วยชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คสีน้ำเงิน จากนั้นเวลา 19.45น.ได้นั่งรถกอล์ฟ ซึ่งนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ รอรับ โดยได้เดินทักทายประชาชนผู้สนับสนุน ขึ้นเวทีตรงกลางสนาม ท่ามกลางเสียงโห่ร้องต้อนรับ และประชาชนมอบดอกไม้ให้ตลอดทาง โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมร้องเพลงหยุดตรงนี้ที่เธอ ของศิลปิน ฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน ร่วมกับประชาชนอย่างคึกครื้น และกล่าวกับประชาชน ซึ่งใช้เวลาบนเวที 7 นาที ตอนหนึ่ง ว่า สัญญาว่าจะดูแลคนทั้ง 77 จังหวัด เดินไปข้างหน้าเพื่ออนาคตที่ดีกว่า ผมมาวันนี้เพื่อขอบคุณคนไทยทั้งประเทศในการให้ความร่วมมือกันมาตลอด 5 ปี รู้ว่าทุกคนเหนื่อย ตนเองก็เหนื่อย แต่ตนเหนื่อยไม่ได้ ถ้าตนเหนื่อย ตนท้อ พวกท่านจะไม่ยิ่งกว่าตนหรือ ตนจะทำต่อไปให้ดีที่สุด จะเอา20ปีเลยหรือ เราต้องรวมพลังกัน ที่ผ่านมาตนเป็นทหารแต่วันนี้ตนเป็นประชาชน ตนมีหน้าที่ของตน และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด นโยบายของทุกคนดีทั้งหมดแต่ต้องหาคนมาทำนโยบาย และทำให้ได้ ตนยืนหยัดตรงนี้จะทำให้เต็มที่ ทำให้กับคนไทยทุกคน ไม่ใช่จะทำกันเรื่อยเปื่อย มันไม่ได้แล้วเราต้องมีวิธีการที่เหมาะสม ตนอยากจะบอกว่าทุกวันนี้ ตนมีความสุขทุกครั้งที่ได้พบประชาชนทุกจังหวัด มีทั้งคนรัก คนไม่รัก แต่ในที่นี้คิดว่ารักตนหมดทุกคน จะมากจะน้อยสิ่งเหล่านี้คือกำลังใจ ให้ตนและทุกคนทำงานต่อไป ถ้าไม่มีกำลังใจมันก็ไปไม่ได้ เราต้องเติมใจให้กัน จับมือกันให้เข้มแข็งเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งทำได้ ถ้าคน68ล้านคนจับมือกันจะทำได้ทุกอย่าง "ลุงอยู่มา5ปีรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้น อะไรคือปัญหาและอุปสรรค เราต้องช่วยถางทางตรงนี้ให้โล่ง ลุงก็ถางมาโล่งพอสมควรแล้ว เราต้องทำให้เกิดความสงบสุขเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทุกคนสามารถเดินทางไปในทุกๆที่ได้ เพราะบ้านเมืองสงบสุข เราต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ต่อจากนี้ไปเราต้องช่วยกันลดความขัดแย้ง เราจะต้องนำหัวใจ ความรัก ความสามัคคีกลับคืนมา เราต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ วันนี้เราอย่ามัวนั่งรอ ต้องลุกขึ้นก้าวเดินไปพร้อมๆกับผม พยุงกันไป ลากกันไป เข็นกันไปก็ต้องทำ เพราะเรามีศักยภาพมากมาย ประเทศไทยมีโอกาสศักยภาพ แต่มักมีวิกฤตมาเสมอ เราอย่าทำให้วิกฤตเหล่านั้นเกิดขึ้นมาอีก ขอบคุณทุกคนในกำลังใจและความรักที่ให้กับผมมา ผมจะตอบสนองไปให้ไม่น้อยกว่าที่ให้ผมมา ผมให้ได้ทั้งชีวิตและจิตใจ ผมจะยอมตายเพื่อแผ่นดินผืนนี้ แผ่นดินที่ให้ผมเกิด ให้ผมมีที่กินอยู่หลับนอนและมีอาชีพ ผมต้องรักษาแผ่นดินนี้ไว้ เพื่อลูกหลานในอนาคต จะไปกับผมไหม ประเทศไทยจะไม่ล้มอีกต่อไป จะไม่นั่งรอใครอีกต่อไป เราจะเดินไปข้างหน้า ยืนขึ้นและจับมือกันเดินไป และหวังว่ากำลังใจนี้จะอยู่คู่กับผมไปนานเท่านาน เราจะร่วมกับทำประวัติศาสตร์ประเทศไทยในที่ดีกว่า ในวันข้างหน้า ทำวันนี้เพื่อประวัติศาสตร์ที่ดีในข้างหน้า ประวัติศาสตร์ที่ไม่ดีจำไว้เป็นบทเรียน อย่าให้ใครมาบอกว่าลืมวันนั้น ไม่จำวันนี้ วันนี้ไม่ทำแล้วไปทำวันหน้า มันไม่มีอนาคตทั้งสิ้น ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ตนเปิดดูในเฟซบุ๊ก อดไม่ได้กลัวพี่น้องจะเสียขวัญ ขอร้องอย่าเสียขวัญ ขวัญอยู่กับตัวกลัวอะไร ขวัญอยู่ที่ศีรษะ และอยู่ที่ใจ หัวใจอันยิ่งใหญ่ หัวใจแห่งความรักความสามัคคี ทำบ้านเมืองเราให้สงบปลอดภัย จะมีพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะมาทรยศแผ่นดินนี้ไม่ได้เด็ดขาด เราจะต่อสู้เพื่อรักษาชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ ต่อมาเวลา 18.00น.ที่สนามเทพหัสดิน เขตปทุมวัน ผู้บริหารและแกนนำพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ทยอยเข้าสู่สนามเทพหัสดิน พร้อมแนะนำผู้บริหารและผู้สมัคร ส.ส.กทม. พร้อมเปิดเพลงสร้างความครึกครื้น จากนั้นนายพุทธิพงษ์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคเราเป็นพรรคน้องใหม่แต่จะเดินหน้าอยู่คู่กับประชาชนต่อไป คนกรุงเทพฯไม่ต้องการนโยบายที่สวยหรูหรือเพ้อฝัน แต่มุ่งมั่นแก้ปัญหาได้จริง ต้องการความปลอดภัย ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง ช่วงเวลา58 วันที่ผ่านมา เราหาเสียงด้วยความเหนื่อย แต่ไม่ท้อ ยืนยันว่าเราไม่ได้เปรียบใคร แต่พอถึงเวลาที่พรรคฯเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก็กล่าวหาว่สเอาเปรียบ หาว่าสืบทอดอำนาจและเอาเปรียบทั้งที่มาตามกติกาเหมือนพรรคอื่น แต่ใช้วาทกรรมว่าเล่นไม่ซื่อ จึงต้องมายืนยันและขอคำบืนยันจากประชาชนทั้งประเทศว่าพรรคพปชร.จะเคียงข้างประชาชน และเชื่อมั่นว่าพรรคเราจะปักธงในกรุงเทพฯได้แน่นอน เพราะผู้สมัครของเราไม่มีความคิดที่จะยกเลิกการไหว้ครู และขนบธรรมเนียมอันดีงามของไทย มีแต่ความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราให้คำสัญญาจะปกป้องแผ่นดินไทย ร่วมกับประชาชนทุกคน ใครที่คิดจะมาเหยียบย่ำแผ่นดินนี้ เราจะลุกขึ้นต่อสู้ร่วมกับประชาชน “วันนี้มี2พรรคปราศรัย พรรคตัวแม่อยู่ที่สนามกีฬาเวสน์2 ส่วนพรรคลูกใช้สนามกีฬาเวสน์ 1 ข้างๆกัน ไม่เข้าใจทำไมไปอยู่ด้วยกัน ทำไมไม่มาใช้ที่จุฬาฯ หรือกลัวอะไรพรรคพปชร.หรือจะเป็นของนายใหญ่คนเดียว แต่พรรคพปชร.ไม่มีนายใหญ่ ไม่มีนายทุน ไม่มีเจ้าของ”นายพุทธิพงษ์ กล่าว ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประเทศไทยมีความขัดแย้งสูง คนไทยได้ออกมาฆ่ากัน มีความเกลียดชังต่อประชาชนทั้งประเทศ ขอประชาชนอย่าลืมสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นความทรงจำอันเจ็บปวด แต่เป็นเรื่องดีที่ประเทศไทยมีสถาบันทหาร เข้ามาแก้ไขปัญหาสถานการณ์ให้ดีขึ้น ทหารไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจ แต่ต้องการรักษาบ้านเมือง หากไม่มีทหารก็คงไม่มีวันนี้ ที่บ้านเมืองมีความสงบ ไม่มีความแตกแยก ทหารนำความสามัคคีกับมาสู่คนไทย แต่เมื่อใกล้เลือกตั้ง ก็มีวาทกรรมทางการเมือง พูดเหมือนว่ารัฐบาลทหารนั้นเลวร้าย ทำลายประเทศ ทั้งที่นานาประเทศ ต่างยอมรับว่าเราดีที่สุดในอาเซียน และในวันที่ 24 มี.ค.นี้ จะเป็นวันต่อสู้กับระบอบเก่า ที่มีมายาวนาน ซึ่งเป็นระบอบที่จะนำประเทศไทยกลับสู่สิ่งเก่าที่เลวร้าย และมี พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว ที่จะสามารถนำพาประเทศ ก้าวสู่วันใหม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ ไม่เคยหลงในอำนาจ เพียงแต่เห็นว่างานของชาติยังไม่เสร็จ จึงต้องการเข้ามาสานต่อ ดังนั้นอย่าปล่อยให้คนทำลายชาติ ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ ด้านนายอุตตม กล่าวว่า เรามาตาม กติกา แต่มีบางพรรคการเมืองใช้วาทกรรมโจมตีเรา ถือเป็นวาทกรรมที่มักง่าย เอาดีเข้าตัว ทำให้ประชาชนสับสน โจมตีว่าเราเป็นกลไกสืบทอดอำนาจเผด็จการยืนยันว่าไม่จริงแต่เราจะสืบทอดความสงบเพื่ออนาคตของประเทศเราจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อรับประกันว่าการเมืองแบบเดิมจะไม่กลับมาทำร้ายประเทศ จะไม่ปล่อยให้มีการทำร้ายสถาบันอันเป็นที่รักพรรคการเมืองที่สร้างวาทกรรมในวันนี้หรือเป็นการสร้างขั้วการเมืองจอมปลอม ไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชนที่ยังไม่เข้าสู่เลือกตั้ง พรรคพปชร.ไม่มีนโยบายให้ประชาชนได้ประโยชน์แค่น้ำใต้ศอก เราไม่ได้เป็นแค่มืออาชีพเหมือนบางพรรคที่อ้าง แต่เป็นมืออาชีพที่โปร่งใสไม่ทุจริต พรรคที่บอกจะทำให้คนไทยกระเป๋าตุงแต่ในอดีตทำให้ใครกระเป๋าตุงมาแล้ว และมีปัญหาตามมา ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางเดียวเพื่ออนาคตของประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมการปราศรัย เน้นเรื่องการรักษาความสงบและเหตุผลที่พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องมาเป็นนายกฯ และต้องเลือกพรรคพปชร.ระหว่างที่ปราศรัยรอเวลาพล.อ.ประยุทธ์ ปรากฎตัว ประชาชนที่มาฟังการปราศรัยบางส่วน ทยอยลุกและเดินทางกลับ ขณะที่บางส่วนยังรอ จนกระทั่งเวลา19.44น.พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงสนาม ประชาชนต่างกรูเข้าไปหาเพื่อมอบดอกกุหลาบ และปีนเก้าอี้เพื่อถ่ายรูปจนเกิดความชุลมุนเบียดกันจนล้ม ซึ่งนายกฯทักทายอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับร้องเพลง”จับมือไว้”ขอคะแนนจากประชาชนให้ร่วมเดินไปด้วยกัน