“พรีเมียร์ลีก” อังกฤษ ยังคงได้รับความนิยม และถูกขนานนามจากแฟนบอลทั้งโลกว่า เป็นลีกฟุตบอลที่ดีเลิศที่สุดในโลก และใกล้จะถือฤกษ์ เปิดฉากลงในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ โดยเป็นการขับเคี้ยวกันระหว่างทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กับทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ มหาอำนาจลูกหนังบนเกาะอังกฤษ ซึ่งอีกไม่นานเราก็จะรู้กันว่าใครจะคว้าแชมป์ไปครอบครอง วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับหนึ่งในสโมสรที่มีแฟนบอลติดตามมากที่สุดในโลกอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยการทุ่มเม็ดเงินเสริมทัพ ดึงนักเตะฝีเท้าดีร่วมทีมจำนวนมหาศาล เพื่อเป้าหมายเดียว คือการผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ หลังพลาดท่ารอคอยมากว่า 29 ปีเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ หลังการก้าวเข้ามากุมบังเหียนของ “เยอร์เก้น คล็อปป์” เมื่อ3ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยกุนซือคนดังทุ่มงบไปกว่า162 ล้านปอนด์ เพื่อกว้านซื้อตัวผู้เล่นชั้นดี โดยเฉพาะการอุดรอยรั่วจากซีซั่นที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ผู้รักษาประตูที่เหล่า “เดอะ ค็อป” ทั้งโลกต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นการด่วน โดยจบลงที่ “อลิสสันแบเกอร์”มือหนึ่งทีมชาติบราซิล จาก “โรม่า” หลังก่อนหน้าได้คว้าตัว “เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค” ด้วยค่าตัวทุบสถิติโลกเช่นเดียวกันทั้งคู่ และก่อนหน้าได้นำเข้า “นาบี เกอิต้า” มาสานต่อตำนานหมายเลข 8 แทนที่“สตีเว่น เจอร์ราร์ด”เพื่อยกระดับ ให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กลายเป็นหงส์ติดปีก โดยมีเป้าหมายเดียว คือ “คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก”ให้จงได้ นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วยการคว้า “พ่อมดสวิสฯ” อย่าง “เซอร์ดาน ชากิรี่” มาเป็นอะไหล่ชิ้นสำคัญเคียงข้าง “ซาดิโอ มาเน่” และนักเตะที่แฟนบอลลิเวอร์พูลหวงที่สุดอย่าง “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีว่ายอดทีมแห่ง “เมอร์ซีย์ไซด์” ทีมนี้ พร้อมแล้วที่จะใส่เกียร์เดินหน้าเต็มสูบ ด้วยขุนพลที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคือ “ของจริง” จากฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งนี้ “การ์ธ ครูกส์” อดีตกองหน้าของทีม “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาชี้ชัดว่า “เจมส์ มิลเนอร์” กองกลางมากประสบการณ์ คือกุญแจสำคัญ ซึ่งนักเตะที่ “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล พึ่งพาได้ในยามอยู่ในช่วงกดดัน เพราะมีประสบการณ์มากมายและสามารถลงเล่นได้หลายตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ผลงาน “3 รอง” แชมป์จากสามฤดูกาล บวกกับการติด “ท็อปโฟล์” สองฤดูกาลหลังสุด ถือเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของ “หงส์แดง” และเม็ดเงินจำนวนกว่า 162 ล้านปอนด์ ที่ “เยอร์เก้น คล็อปป์”ใช้ไป โดยหวังจะนำ “ยักษ์หลับ” จากเมอร์ซีย์ไซด์กลับมาทวงความยิ่งใหญ่เหนือเกาะอังกฤษให้ได้สถานเดียว แต่จะสุขสมหวังสำเร็จดั่งที่หวังไว้หรือไม่ คงต้องคอยติดตามกันดู