เป็นโรคที่พบไม่บ่อยในคนไทย “โมยาโมย่า” ชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นดูน่ารัก แต่แฝงความร้ายกาจถึงชีวิตได้ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์เผยว่า โรคโมยาโมย่า เป็นโรคหลอดเลือดสมองชนิดหนึ่งซึ่งพบไม่บ่อยและพบได้น้อยในคนไทย มีรายงานพบโรคนี้ในคนญี่ปุ่น โดยเกิดในเพศหญิงมากกว่าชายถึง 2 เท่า ในช่วงอายุตั้งแต่ 6 ขวบ-ง 70 ปี จะพบมากในเด็กช่วงอายุ 10 ปีแรก ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตแขนขาอ่อนแรง อาจเวียน-ปวดศีรษะ ชัก หมดสติ ความจำลดลงหรือหลงลืม มีการเคลื่อนไหวแขนขาผิดปกติจากหลอดเลือดสมองตีบตัน หรือเกิดจากมีเลือดออกในสมอง ถ้ามีเลือดออกในสมองจะมีอัตราการตายสูงโดยขึ้นกับความรุนแรงของเลือดที่ออก และมีโอกาสเกิดอาการของโรคซ้ำหากไม่ได้รักษา สาเหตุของโรคยังไม่แน่ชัด ส่วนหนึ่งพบมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม พญ.ไพรัตน์ แสงดิษฐ ผอ.สถาบันประสาทวิทยากล่าวว่า โรคโมยาโมย่าเป็นคำมาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่ากลุ่มควัน ซึ่งจากการเอกซเรย์ฉีดสีหลอดเลือดสมองแล้วเห็นภาพเป็นเหมือนกลุ่มควัน โดยสาเหตุมาจากการหนาตัวผิดปกติของผนังหลอดเลือดชั้นในของหลอดเลือดแดงคาโรติดส่วนปลายในสมองทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นหลอดเลือดสำคัญที่ลำเลียงเลือดเข้าไปเลี้ยงสมองมีการหนาตัวผิดปกติของผนังหลอดเลือดชั้นกลาง จนทำให้เกิดการตีบและอุดตันในที่สุด การรักษามี 3 วิธีหลัก คือ ผ่าตัดเชื่อมต่อหลอดเลือดเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณเนื้อสมองที่มีหลอดเลือดตีบตัน , รักษาโดยใช้ยาต้านเกล็ดเลือด ขึ้นกับลักษณะของโรคและต้องระวังภาวะเลือดออกในสมอง ไม่ควรรักษาด้วยยาป้องกันลิ่มเลือดแข็งตัวเพราะจะทำให้เกิดเลือดออกในสมองได้ และการรักษาด้วยยาต้องอยู่ภายใต้การพิจารณาและการดูแลใกล้ชิดจากแพทย์ และสุดท้าย ทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูความพิการ ทั้งนี้ แนะนำว่าหากมีอาการผิดปกติดังนี้ เช่น ปวดศีรษะอย่างรุนแรง อาการอ่อนแรงหรือชาอย่างเฉียบพลันที่ใบหน้า แขนหรือขา ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย พูดไม่ชัดหรือพูดลำบาก ตาลาย เห็นภาพซ้อน เดินเซ ทรงตัวลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะหากปล่อยให้อาการลุกลาม โอกาสที่สมองจะขาดเลือดหรือมีเลือดออกในสมองจะมากขึ้น และอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้