วันนี้ 20 มี.ค. 62 นายบุญทัน ธุศรีวรรณ กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์สมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้ไป ที่ลานหน้าสถานีรถไฟจังหวัดศรีสะเกษ เพราะนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ศรีสะเกษ เขต 1 หมายเลข 11 เปิดเวทีให้ถาม-ตอบทุกปัญหาที่ประชาชนอยากรู้ ทั้งเกี่ยวกับตัวผู้สมัคร และนโยบายของพรรคภูมิใจไทย เล่าถึงผลงานที่ผ่านมา และอธิบายว่าศรีสะเกษ จะได้อะไร หากจะเลือก นายสิริพงศ์ ให้เข้าไปเป็นผู้แทน เล่าถึงนโยบายส่งเสริมการปลูกกัญชา ว่าใครได้ใครเสีย ประชาชนได้อะไร ประชาชนสามารถถามตอบกันได้สดๆ กลางเวที แทนการเปิดเวทีปราศรัย และไม่ต้องใช้ Stand – in มาพูดแทนผู้สมัคร พร้อมกันนี้ ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ย้ำชัดเจนว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่ยอมรับ ส.ว.250 คน ที่จะมามีสิทธิเลือกนายก และนายกจะต้องมาจาก ผู้แทนที่ประชาชนเลือกเข้าไป พร้อมอยู่ข้างประชาชนที่เอาประชาธิปไตย เท่านั้น นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กล่าวถึงผลงานในอดีตที่เป็นผู้ประสานติดต่อให้มีแม็ตการแข่งขันกีฬาในแต่ละประเภทเชิญให้มาจัดการแข่งขันที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้เป็นที่รู้จัก ทั้งฟุตบอล วงโยธวาทิตโลก ฟุตซอล วอลเลย์บอล ถ้วย ก. การของบประมาณมา สร้างสนามกีฬาแบบครบวงจร ทำมาตั้งแต่ยังไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ทำในสมัยที่เป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัด เพราะรัก บ้านเกิด แม้หลายครั้งที่ต้องใช้งบประมาณ ส่วนตัว ต้องวิ่งหามากัน เพื่อให้ศรีสะเกษ ให้ได้มีชื่อว่า ศรีสะเกษเป็นเมืองกีฬา มีผู้สอบถามกรณีออกจากพรรคเดิม คือ ชาติไทยพัฒนา นายสิริพงศ์ก็ตอบว่าก็เพราะว่าพรรคลงมติตั้งหัวหน้าคณะปฎิวัติมาเป็นเลขา และที่ไม่เลือกพรรคใหญ่เพราะตนจะตัวเล็ก ที่เลือกพรรคเล็กเพราะตนจะได้ตัวใหญ่ คนในพรรคจะสามารถได้ยินเสียงตนที่พูดในนามของคนศรีสะเกษ รับฟังปัญหา รับฟังแนวทางพัฒนาของประชาชนคนศรีสะเกษ ที่จะให้ตนไปเป็นผู้แทน ตนมีความมุ่งมั่นมากที่จะมีโอกาสสักครั้งได้เข้าเสนอปัญหาของคนศรีสะเกษในสภาฯ ส่วนรูปแบบปราศรัยแสดงวิสัยทัศน์ เพราะอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม อยากรู้อะไรให้ถามได้ จะตอบในที่สาธารณะอย่างตรงไปตรงมา นายบุญทัน ธุศรีวรรณกล่าวต่อว่า นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติได้แสดงออกถึงความมั่นใจ เต็มที่ว่าจะได้รับความเมตตาจากประชาชนศรีสะเกษเพราะทุกคนให้ความสนใจ และทักทายสนับสนุนตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้มีโอกาสพบเจอกัน สำหรับปัญหาเรื่องขั้วพรรคการเมือง ทางพรรคภูมิใจไทย ก็พูดชัดเจนว่ายึดในหลักของประชาธิปไตย เรื่องจะจุดยืนคิดว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนการที่คนยึดติดกับพรรค ก็คงต้องวัดกันว่า ในการเลือกตั้งแต่ละครั้งมันก็มีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชื่อเสียงของพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวบุคคล ความขยัน และผลงาน ก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ /ศรีสะเกษ รายงาน