“มาร์ค” ลั่นถึงเวลาผ่าทางตัน ปลุกปชช.ออกจากความกลัว ชี้ทฤษฏีโจรจับโจร สุดท้ายจะได้มหาโจรมาอยู่ด้วย ขู่”บิ๊กตู่” หลังเลือกตั้งไม่มีม.44 เข้าสภาเจอศึกหนักแน่ ตะคอกนักข่าวไม่ได้ มั่นใจไม่ว่าใครนั่งนายกฯฝ่ายมั่นคงยอมหนุนแน่นอน วันที่ 18 มี.ค.ที่ลานจอดรถปาร์ค 5 ศูนย์การค้าคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) กรุงเทพฯ / พรรคประชาธิปัตย์ นำทีม ส.ส.กรุงเทพโซนตะวันออก จัดปราศรัยใหญ่ แสดงพลังขับเคลื่อน ชูนโยบายหมัดเด็ดช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และพัฒนาพื้นที่กรุงเทพโซนตะวันออกแบบบูรณากา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในตอนหนึ่ง ระหว่างการปราศรัยใหญ่กรุงเทพโซนตะวันออกนอกศูนย์การค้า Crystal Design Center ว่า ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองของคนทุกกลุ่ม และเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เป็นประชาธิปไตยในพรรค พรรคอื่นที่อ้างตัวเองเป็นประชาธิปไตย ให้ไปดูการบริหารภายในพรรคมีเจ้าของชัดเจนสามารถกำหนดทิศทางการทำงานทางการเมืองของพรรคนั้นได้ แตกต่างจากประชาธิปัตย์เราไม่อัางประชาธิปไตยเพื่อใช้เป็นการต่อสู้ในทางการเมืองและคิดนโยบายที่แก้ปัญหาและปฏิบัติได้จริงไม่ใช่เอามาเป็นประเด็นการเมือง เช่น เรื่องเกณฑ์ทหาร ความแตกต่างระหว่างหลายพรรคกับพรรคประชาธิปัตย์ คือ เราไม่คิดว่าเรื่องนี้ต้องทะเลาะกับกองทัพแต่จะคุยด้วยเหตุด้วยผลว่า ทำไมระบบพลทหารสมัครใจจึงดีสำหรับกองทัพประเทศและคนหนุ่มสาว เมื่อไม่ต้องเกณฑ์ทหารทุกคนต้องมีส่วนในการทำงานจิตอาสาหรือทำงานเพื่อสังคม ปลูกสำนึกต้องทำงานเพื่อส่วนรวม แต่ไม่นำเรื่องนี้มาทะเลาะหรือสร้างความขัดแย้ง นอกจากนี้ภาพประชาธิปัตย์ยังเป็นพรรคเดียวที่ประกาศนโยบายเกี่ยวกับการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น และมีการกำหนดชุดนโยบายที่ชัดเจน แตกต่างจากบางพลัดที่เกทับพรรคการเมืองอื่นเช่นประชาธิปัตย์บอกประกันรายได้ยางพารา 60 บาทต่อกิโลกรัม ก็เพิ่มเป็น 65 บาท ที่กำหนดค่าแรงขั้นต่ำที่ 425 บาท และยังเขียนนโยบาย ที่แทบจะไม่แตกต่างจากจำนำข้าวทั้งๆที่เห็นแล้วว่า เป็นวิธีการที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังพูดถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า ประชาชนถูกบังคับให้คิดอยู่ในกรอบเลือกข้างของคนสองฝ่ายหนึ่งอ้างเป็นกลุ่มประชาธิปไตย ต้องการปลุกเร้าอารมณ์อย่างเดียวว่าเมื่อ 5 ปีผ่านไปคนส่วนใหญ่ไม่พอใจในเรื่องภาวะเศรษฐกิจ ไม่พอใจกับปัญหาการบริหารงานที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจึงปลุกเร้าให้เลือกพรรคตัวเองที่สถาปนาว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ ความจริงไส้ในของแต่ละพรรคไม่เป็นประชาธิปไตย อีกทั้งประชาธิปไตยที่เขาพูดถึงไม่ใช่เสรีนิยมประชาธิปไตยแต่เป็นประชาธิปไตยที่บอกว่าเสียงข้างมากที่มาจากการเลือกตั้งทำอะไรก็ได้ทำลายระบบต่างๆได้ เมื่อตนประกาศไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แทนที่พรรคการเมืองเหล่านี้จะบอกว่าเป็นจุดยืนประชาธิปไตยกลับแสดงความเดือดร้อนว่าประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เพราะกลัวว่าสิ่งที่เขาพยายามผูกขาดความเป็นพรรคประชาธิปไตยสูญสิ้นไป และพรรคการเมืองกลุ่มนี้เวลาพูดถึงประชาธิปไตยสุจริตมีอาการมาก คำว่าสุจริตแสลงหูเพราะพยายามจะบอกว่าเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นเสมือนไม่มีจริงอ้างว่าการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นเป็นวาทกรรมเพื่อให้เผด็จการเข้ามาหรือพยายามบอกว่าเผด็จการเข้ามาก็ทุจริตคอรัปชั่นเหมือนกันประชาธิปัตย์บอกว่าเรายอมรับกันได้ไหมว่าการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นทั้งในยุคเผด็จการและเกิดขึ้นทั้งในยุคของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถ้านักการเมืองไม่สำนึกตรงนี้ประเทศไทยไม่มีทางออกจากวิกฤตการเมืองและวงจรอุบาทว์ได้ สิ่งที่ทำให้ตนตกใจคือการดีเบตที่เวทีลานโพธิ์ธรรมศาสตร์ ตนถาม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทยว่า ไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกถามว่ายังคิดนิรโทษกรรม คดีทุจริตคอรัปชั่นเพื่อนำคนบางคนกลับมาหรือไม่ จึงเตือนประชาชนว่าแนวคิดของพรรคการเมืองกลุ่มนี้ยังมีวาระเรื่องนี้อยู่ ประชาธิปัตย์จึงไม่สามารถร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้ และมีบางพรรคพูดด้วยซ้ำว่าจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ ส่วนฝ่ายที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เอาความกลัวมาใส่ประชาชนว่าถ้าไม่ต้องการให้ฝ่ายโน้นกลับมา ต้องเลือกพลเอกประยุทธ์เท่านั้น จึงอยากให้ประชาชน ไตร่ตรองดูว่า 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้มีอำนาจพิเศษบริหารการเมืองง่ายกว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ ขณะเดียวกันรัฐบาลปัจจุบันเคยว่ารัฐบาลอื่นหลายอย่าง แต่ตอนนี้ทำเกือบทุกอย่างแล้วในวันที่ต้องการกลับมามีอำนาจ ตนไม่ใช่คนโลกสวยแต่ไม่เคยเชื่อทฤษฎีโจรจับโจร โจรปราบโจร ที่ไม่เชื่อเพราะถ้าใช้ทฤษฎีโจรปราบโจร หมายความว่า เราจะอยู่กับโจรหรือจะได้มหาโจรในที่สุด สิ่งที่ประชาธิปัตย์พยายามจะบอกคือวันนี้ต้องคิดให้ดีรัฐบาลหลังการเลือกตั้งใครจะมาเป็นก็ตามไม่มีมาตรา 44 แล้ว เดินเข้าสภาไม่สามารถเดินออกได้หลังจากที่พูดจบแล้วทุกคนกดปุ่มเห็นด้วยภายในชั่วโมงเดียว เดินเข้าสภาจะเจอสารพัดและถ้ามีความพยายามสืบทอดอำนาจความขัดแย้งในบ้านเมืองจะไม่จบเนื่องจากมีคำถาม เรื่องเขียนกติกาเองและปฏิบัติไม่เหมือนคนอื่นในการเข้าสู่การเลือกตั้งกับการเข้ามามีอำนาจ นี่คือสิ่งที่อยากย้ำว่าอย่าตกหลุมของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเอาความเกลียดเอาความชัง เอาความหงุดหงิด ความเบื่อกับสภาพปัจจุบันแล้วต้องการผูกขาดว่าเขาเท่านั้นที่นำไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยได้ อีกฝ่ายหนึ่งเอาความกลัวว่าถ้าไม่มีเขาแล้วบ้านเมืองจะไม่สงบ จึงอยากให้รู้ว่านายกหลังเลือกตั้งตะคอกนักข่าวไม่ได้ บ้านเมืองไม่มีมาตรา 44 แล้วสื่อมวลชนจะเข้มข้นกว่านี้เดินเข้าสภาเจอแน่ ทั้งกระทู้ถาม ทั้งญัตติต้องบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ได้ ในด้านความมั่นคงเครื่องมือของทุกคนจะกลับมาเท่ากันไม่ว่าใครจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีคือต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดูแลไม่ว่าจะเป็นเหล่าทัพตำรวจ ซึ่งตนดูแล้วขณะนี้ทางฝ่ายความมั่นคงที่เป็นเหล่าทัพและตำรวจมีความเข้มแข็ง เชื่อว่าพร้อมที่จะสนับสนุนงานของรัฐบาลไม่ว่าใครจะมาเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดปัญหา จึงขอให้มั่นใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องผ่าทางตันวันนี้ ถึงเวลาแล้วที่บอกว่าประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตยได้โดยไม่ต้องวุ่นวายถึงเวลา ไม่ประนีประนอมกับความไม่ถูกต้องโดยมองว่าฝ่ายหนึ่งทำไม่ได้แต่ฝ่ายตัวเองทำได้เพราะจะทำให้ประเทศไทยกลับสู่วงจรอุบาทว์ประชาธิปัตย์คือทางออกจากปัญหานี้ประชาชนเป็นใหญ่ประชาธิปไตยต้องสุจริต นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์ชุมนุมปี 52 และ 53 ว่าดูแลเพื่อให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบร่วมกับคนในรัฐบาลชุดนี้ซึ่งเห็นตรงกันในทุกเรื่อง พยายามประคองสถานการณ์ที่การชุมนุมมีกองกำลังติดอาวุธ โดยมีเป้าหมายคืออย่าให้เกิดสงครามการเมืองหลวงเหมือนหลายประเทศ หรือจบลงที่การปฏิวัติรัฐประหารและไม่ดึงสถาบันที่อยู่เหนือการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 อย่าง แต่ไม่ถูกใจคนหลายคนด้านหนึ่งกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรอีกด้านหนึ่งกล่าวหาว่าอ่อนแอ แต่ทุกอย่างพิสูจน์โดยกระบวนการกฎหมายเพราะตนไม่เคยนิรโทษกรรมตัวเอง แต่ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อจนมีการตัดสินแล้วว่าตนไม่ผิด "อยากให้ตั้งหลักว่าอยากให้บ้านมึงเดินไปทางไหน ถ้าถามว่ามั่นใจหรือไม่ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตนเป็นนายกจะทำในสิ่งที่จำเป็น บอกได้เลยว่าผมมาถึงจุดในทางการเมืองที่รู้ว่าถ้าให้โอกาสกับผมอีกครั้งเดียวก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้ตัวอีกต่อไปแล้วในครั้งหน้าจึงบอกชัดเจนว่าหมดเวลาเกรงใจแล้ว ผมมีความเชื่อมีความฝันจากเด็กอายุ 27 ปีที่เดินหาเสียง มีอุดมการณ์มั่นคงไม่เคยคิดย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์และยืนยันว่าเป็นนักการเมืองที่รักษาความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสำคัญจึงเชื่อว่าประชาธิปัตย์ทำได้ประชาชนไม่ต้องกลัวไม่ตกหลุมที่บอกว่าต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่งแต่ต้องเลือก สิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเขวไปจะไม่ถึงจุดหมาย ถึงเวลาเดินไปด้วยกันเพื่อให้ถึงจุดหมายให้ประเทศไทยเป็นประเทศเสรีนิยมประชาธิปไตยมีระบบสวัสดิการ เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง เป็นประเทศที่ลดข้อครหาหลายอย่างเกี่ยวกับค่านิยมเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นเล่นพรรคเล่นพวกตัดสินใจให้เด็ดขาดอยู่ที่นี่กรุงเทพโซนตะวันออกทั้ง 8 เขตเราจะเดินไปสู่จุดหมายนั้นด้วยกัน"