จากกรณีเด็กถูกด้วงก้นกระดกกัดที่อวัยวะเพศ และได้รับพิษทำให้ปัสสาวะไม่ออก เกิดแผลบวมพุพองนั้น นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัดก.สาธารณสุขและโฆษกก.สาธารณสุข ระบุ ด้วงชนิดนี้จะช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืชตามธรรมชาติ ปกติจะไม่กัดหรือต่อยคน แต่หากตกใจ หรือถูกตี ถูกบีบ ขยี้ จะปล่อยน้ำพิษชื่อว่า เพเดอริน (Paederin) ออกมาเพื่อป้องกันตัว พิษส่วนใหญ่จะทำให้เกิดผื่นแพ้ที่ผิวหนังเฉียบพลัน แต่ไม่รุนแรงถึงเสียชีวิต อาการแพ้พิษจากจะมาก-น้อยขึ้นกับปริมาณพิษที่สัมผัส อาการหลังสัมผัสพิษใน 24 ชั่วโมงแรก ผิวจะมีผื่นแดง คัน แสบร้อน เป็นแผลพุพองใน 48 ชั่วโมง การอักเสบอาจขยายวงใหญ่ขึ้น จากนั้นจึงตกสะเก็ด และจะหายเองใน 7-10 วัน ในรายที่รุนแรง ผิวหนังจะอักเสบหลายแห่ง คล้ายงูสวัด บางรายอาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเส้นประสาท ปวดกล้ามเนื้อ อาเจียน เป็นผื่นบวมแดงติดต่อกันหลายเดือน หากพิษเข้าตาอาจตาบอดได้ การดูแลหลังสัมผัสพิษ ให้ล้างน้ำเปล่า ฟอกสบู่ หรือเช็ดด้วยแอมโมเนีย แล้วใช้ยาปฏิชีวนะประเภทครีม ทาตรงที่ถูกพิษ ถ้าคันหรือปวดแสบปวดร้อนให้ทาคาลาไมล์ และควรพบแพทย์ หรือโทรสายด่วน 1669 ฟรี 24 ชม. ทั้งนี้ ขณะนี้ภาคใต้อยู่ในช่วงฤดูฝน เป็นช่วงที่พบด้วงก้นกระดกจำนวนมาก ขอให้ประชาชนระมัดระวังพิเศษ ซึ่งมีรายงานข่าวพบใน 5 อำเภอ ได้แก่ เมืองชุมพร ปะทิว สวี ทุ่งตะโก และหลังสวน หลายคนถูกพิษด้วงก้นกระดกพบว่าอาการไม่รุนแรง เป็นเพียงแผลพุพอง สำหรับด้วงกระดก ตัวจะเป็นเงามัน ยาวประมาณ 7 มม. หัวสีดำ ปีกสีน้ำเงินเข้ม ตัวมีสีดำสลับส้ม มักจะงอท้องส่ายขึ้นลงเมื่อเกาะอยู่กับพื้น ปกติจะอยู่บริเวณพงหญ้าที่มีความชื้น ชอบออกมาเล่นไฟตอนกลางคืน ผู้ปกครองต้องระวังเด็กไม่ให้จับมาเล่น