D ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทันตกรรมของแบรนด์ดังระดับโลก "Planmeca" หลังเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว พร้อมวางจำหน่ายทันที บิ๊กบอส"ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล" คาดช่วยเพิ่มรายได้ขั้นต่ำ 40 ล้านบาทต่อปี หนุนผลประกอบการทะลุเป้าหมายเติบโต 2 เท่าตัวรายได้แตะ 1 พันล้านบาทปีนี้ ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการ บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D เปิดเผยว่า เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา บริษัทเดนทัล ออล (ประเทศไทย) จำกัด (DAT) ซึ่งเป็นบริษัทลูกได้เซ็นสัญญารับสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องมือทันตกรรมของ Planmeca Group ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับเพราะเป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ในระบบดิจิทัลที่มีมาตรฐานสูงในวงการการแพทย์ระดับโลกนิยมนำมาใช้กัน สำหรับสินค้าที่บริษัท เดนทัล ออล (ประเทศไทย) จำกัด (DAT)นำเข้ามาเพื่อวางจำหน่าย อาทิ เครื่องเอกซ์เรย์ เครื่องสแกนเนอร์ และเก้าอี้ทันตกรรม คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้เร็วๆนี้ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างยื่นขออนุญาตสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนจากนั้นพร้อมจะวางจำหน่ายได้ในทันที และการได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายในครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ทันตกรรมให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และยังผลักดันให้การเติบโตของกลุ่มบริษัทเดนทัลเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตมาอยู่ที่ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวจากปีก่อน เนื่องจากปีนี้จะเป็นการรับรู้ผลจากการลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเป็นการรับรู้รายได้คลินิกใหม่ได้เต็มปี ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทันตกรรม รวม 16 สาขา ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ14 สาขา และภูเก็ต 2 สาขาดำเนินการภายใต้ BIDC 1 สาขา,Dental Signature 4 สาขา,Smile Signature 8 สาขา และ Dental Planet 3 สาขา รวมทั้งจะเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้จาก บริษัทเดนทัล ออล (ประเทศไทย) จำกัด (DAT) หลังจากที่เข้าไปซื้อกิจการเมื่อปี 2561 ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ทันตกรรม มีรายได้รวมปีละประมาณ 300-400 ล้านบาท ดังนั้นการรับรู้รายได้ที่เกิดขึ้นในปีนี้จะทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขณะที่ในปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 643.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% หรือ 183.56 ล้านบาทจากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 459.62 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 33.45 ล้านบาท และมีกำไรก่อนหักภาษีค่าเสื่อม ดอกเบี้ย(อีบิทด้า)อยู่ที่ 84.73 ล้านบาท