สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยช่วงไตรมาสแรก ปี 2562 ยังคงสดใส เมื่อนักท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นตัว และเดินทางเข้ามาไทยตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมา จึงทำให้จำนวนนักท่องเที่ยว และตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวในเดือนมกราคม 2562 ยังมีแนวโน้มเป็นบวก โดยมีการลงทุนจากกลุ่มโรงแรม และธุรกิจอาหารอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากอานิสงส์การฟื้นตัวของการจับจ่ายในประเทศ และกระแสการเลือกตั้งที่จะถึงในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ ขยายโรงแรมอย่างมีคุณภาพ ทั้งนี้ นายดักลาส มาร์เทล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวหลังเลือกตั้งน่าจะยังดำเนินไปได้ด้วยดี เนื่องจากประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยในการทำงานของทางกรุ๊ปจะมุ่งเน้นการขยายโรงแรมให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เจาะตลาดเอเชียที่มีเส้นทางการบินสั้นๆ ประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อกระจายความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง โดยเฉพาะทางกลุ่มประเทศยุโรปที่มีเส้นทางการบินระยะยาว แม้ในเวลานี้สถานการณ์ของโลกยังมั่นคงก็ตาม ด้าน นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมมากจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยคาดว่าในปี 2562 นี้ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 41.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งทางบริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีที่วางไว้ คือตั้งแต่ปี 2559-2563 ทั้งนี้ในปัจจุบันยังอยู่ในปีที่ 4 ซึ่งจากแผนงานปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนทั้งหมดประมาณ 3,300 ล้านบาทสำหรับขยายโรงแรมเพิ่ม โดยจะมุ่งเน้นโรงแรมใน 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มมิดสเกล (ระดับกลาง) ภายใต้แบรนด์เมอร์เคียว โนโวเทล กลุ่มอีโคโนมี (ราคาประหยัด) ภายใต้แบรนด์ไอบิส ไอบิส สไตล์ ฮอลิเดย์ อินน์ และกลุ่มบัดเจต ภายใต้แบรนด์ฮ็อป อินน์ เพื่อขยายตลาดรองรับกลุ่มนักเดินทางท่องเที่ยวคนไทย ซึ่งจากแผนงานข้างต้นทำให้สิ้นปี 2562 นี้บริษัทจะมีโรงแรมในเครือข่ายทั้งหมด 70 แห่ง รวม 9,559 ห้องพัก เพิ่มจากสิ้นปี 2561 ที่มีโรงแรม 61 แห่งรวมจำนวน 8,485 ห้องพัก และคาดว่าถึงสิ้นปี 2563 บริษัทจะมีจำนวนห้องมากกว่า 10,000 ห้องพัก ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีได้แน่นอน โดยแบรนด์โรงแรมที่เป็นหัวหอกในการทำการตลาดทั่วประเทศคือ ฮ็อป อินน์ ซึ่งบริษัทมีแผนเปิดให้บริการในพื้นที่ที่มีความต้องการของตลาดให้ได้ทั่วถึงมากที่สุด และจากการเปิดให้บริการ ฮ็อป อินน์ทั่วประเทศไทย ถือเป็นกลยุทธ์ในการช่วยลดอัตราความเสี่ยงทางด้านธุรกิจได้เป็นอย่างมาก เสนอประโยชน์เพิ่มให้ลูกค้า ขณะที่ นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจบัตรเครดิตเคทีซี หรือบริษัท บัตรกรุงไทย กล่าวว่า เรื่องท่องเที่ยวเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ และเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ เพราะฉะนั้นการที่บัตรเครดิตเคทีซี ซึ่งเป็นบัตรเครดิตสัญชาติไทย ทำตลาดเฉพาะในประเทศไทย เนื่องจากลูกค้าเป็นคนไทย แต่สามารถเชื่อมต่อกับการท่องเที่ยวในต่างประเทศต่างๆ ได้ ถือเป็นการนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นให้กับลูกค้า เป็นการผสมผสานกับประสบการณ์ทางการตลาดของบริษัทในการจัดกิจกรรมหลักๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ใช้จ่ายผ่านบัตรมากขึ้น เพราะฉะนั้นในไตรมาสแรกของปีนี้ บัตรเครดิตเคทีซี ในหมวดท่องเที่ยว ยังเติมโตได้ดี โดยเดือนมกราคม 2562 โตประมาณ 5-10% เนื่องมาจากสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยโดยรวมเติบโตตลอดเวลานั้นเอง ถึงจะมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ภายในประเทศ ก็ไม่น่าจะกระทบกับเศรษฐกิจท่องเที่ยวมากนัก ซึ่งสังเกตจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศที่มากระทบท่องเที่ยวแต่ละครั้ง กลับมีทางออกของปัญหาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเวลานี้มีการสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองรอง ที่ทางภาครัฐเข้ามากระตุ้นให้คนไทย และต่างชาติเดินทางกันมากขึ้น และยิ่งถ้ามีการสริมศักยภาพในการคมนาคมได้ดีขึ้น ก็น่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวในเมืองรองเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน