“กฤษฏา" เปิดพิมพ์เขียวแผนผลิตเกษตรสมัยใหม่ จันทร์นี้ 4 มี.ค.จับมือ 4พันธมิตร ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้ ยันอนาคตเกษตรกรไม่มืดมน มีที่ขายมีรายได้งาม ลั่นทำให้เห็นทันรัฐบาลนี้ ใน4เดือนลงมือทำเกษตรแปลงใหญ่ต้นแบบ6ภูมิภาค พร้อมดึงผู้ว่าฯ76จว.ร่วมขับเคลื่อนแผนเลิกใช้ 3 สารพิษใน24เดือน ย้ำรับมือภัยแล้ง ส่งทีมชี้แจงชาวนา ดื้อทำนาต่อเนื่อง หากเกิดภัยพิบัติรัฐไม่ชดเชยให้ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.62 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่าง 5 หน่วยงานสังกัดระทรวงเกษตรฯกับบริษัทแอ๊กโกร แอ็กซเชนจ์ จำกัด(ตลาดไท)เพื่อส่งเสริมการผลิตอาหารปลอดภัยและการตลาดนำการผลิต ว่ารัฐบาลเร่งขับเคลื่อนมาตรการลดต้นทุน เพิ่มรายได้ภาคเกษตรทั้งระบบ โดยขณะนี้ตนได้ร่างพิมพ์เขียวแผนผลิตการเกษตรใหม่ของประเทศ แล้วเสร็จเตรียมชี้แจงผ่านการประชุมระบบทางไกลกับข้าราชการทั่วประเทศ วันจันทร์ที่4 มี.ค.นี้ โดยแผนนี้จะสอดรับกับแผนปฏิรูปภาคเกษตร ในโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ทำให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน “ทำเกษตรแปลงใหญ่ต้องให้เกิดประสิทธิภาพจริง นำมาเชื่อมโยงกับแผนการผลิตของประเทศ แก้ปัญหาต้นทุนการผลิตสูง และไม่มีที่ขาย แม้ว่าปัจจุบันทั่วประเทศมีแปลงใหญ่กว่า 5พันแปลง แต่เอกชนที่รับซื้อมีเพียง1พันกว่าราย จะเกิดปัญหาเดิมวนไปสู่เกษตรกร ดังนั้นภายใต้นโยบายการตลาดนำการผลิต จะให้ความสำคัญกับ 4พันธมิตร ซึ่งมีกลไกข้าราชการกระทรวงเกษตรฯเป็นตัวหลักที่ตั้งใจทำงานช่วยเกษตรกร ด้วยความเข้มแข็งซื่อสัตย์สุจริต ร่วมกับ เกษตรกรเจ้าของที่ดิน รวมแปลงกันให้ได้ขนาด1พันไร่ขึ้นไป เป็นลักษณะทำใหญ่เพื่อให้เกิดประหยัดต้นทุน และคัดเลือกเกษตรกรเข้มแข็ง หรือลูกหลานเกษตรกรเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ เป็นผู้จัดการฟาร์ม เชื่อมโยงกับภาคเอกชน และ บริษัทประชารัฐสามัคคีในทุกจังหวัด นำเครื่องจักรกลการเกษตร แนะนำเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ หาตลาด และพันธมิตรที่สำคัญขาดไม่ได้ คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)ให้เงินทุน สินเชื่อ ซึ่งรูปแบบบริหารแปลงเหมือนลงแขก จะมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กระทรวงมหาดไทย พาณิชย์ อุตสาหกรรม เข้ามาช่วยกันส่งเสริมการแปรรูป หาโรงงาน หรือ ล้ง มาตั้งใกล้ๆแปลง โดยจะดึง กระทรวงต่างประเทศ มาด้วยเพราะจะได้ รู้ราคา ความต้องการตลาดโลก ภาวะราคาน้ำมัน ซึ่ง4 พันธมิตร มาร่วมกันบริหารจัดการเกษตรแปลงใหญ่ ให้สอดรับการวางแผนการผลิตของประเทศ ทั้งนี้จะเริ่มดำเนินการแปลงต้นแบบ6แปลงใน6ภูมิภาค ยีนยันจะทำให้ได้ในรัฐบาลนี้และภายใน4เดือนจะลงมือปลูกพืชต่างๆที่มีอนาคต ไม่ปล่อยเกษตรกรไปตายเอาดาบหน้า โดยใช้ต้นแบบจากโมเดลปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนารอบแรก ที่ประสบความสำเร็จแล้วซึ่งเกษตรกรที่เลิกทำนาปรังรอบ2 มาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีกำไรไร่ละกว่า4 พันบาท ”นายกฤษฏา กล่าว นอกจากนี้ จะขยายพื้นที่ทำเกษตรปลอดภัยให้ครบ 149ล้านไร่ทั่วประเทศ ที่ผ่านมาเริ่มมา2ปีกว่าแล้วได้พื้นที่ 7 แสนไร่ เพราะทำเพียงไม่กี่หน่วยงาน จากนี้เดินหน้าตามแผนปฏิบัติการ ลด ละ เลิก ใช้สารเคมีภายใน 24 เดือน หรือ 2 ปีที่ได้ทำหนังสือแจ้งคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งระดมหน่วยงาน 14 กรม 7 รัฐวิสาหกิจ ลงไปช่วยเกษตรกรทำเกษตรปลอดสารพิษ “ระหว่างที่รอคณะกรรมการวัตถุอันตราย ตรวจรายละเอียดใน 5 ร่างประกาศกฏกระทรวง ควบคุมจำกัดการใช้ 3 สารเคมี พาราควอต ไกลโฟรเซต คอร์ริไพรฟอส คาดว่าจะส่งกลับมาสัปดาห์หน้า เพราะท่านนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งผมได้เริ่มทำก่อน สั่งปรับแนวการทำงาน ระดับจังหวัดและ ระดับพื้นที่จากเมื่อก่อน ทำเฉพาะหน้างานตนเอง ขณะนี้ต้องมาร่วมกัน มีผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ เป็นประธานคณะกรรมการอนุกรรมการพัฒนาเกษตร(อกพ.) ขับเคลื่อนทั้งโครงสร้างปรับแล้ว ภายในสัปดาห์หน้าจะแถลงแผนปฏิบัติการและแผนควบคุมจำกัดการใช้ 3 สารเคมี ในระยะเวลา 24 เดือน โดยวันจันทร์นี้จะชี้แจงแผนผ่านระบบทางไกลให้กับผู้ว่าฯ76 จังหวัด เพื่อวางเป้าหมายให้สำเร็จตามประกาศกระทรวง และให้สาธารณะชนรับทราบอย่างทั่วถึง”นายกฤษฏา กล่าว แนวทางรับมือปัญหาภัยแล้ง โดยพื้นที่ในเขตชลประทาน 30 ล้านไร่ นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ยืนยันว่ามีนำเพียงพอใช้ตลอดฤดูแล้งบริหารจัดการน้ำได้ และมีเกษตรกร ไม่ทำตามคำร้องขอให้เว้นทำนา มาปลูกพืชใช้น้ำน้อย แต่ยังทำนาปรังต่อเนื่อง ได้ส่งทีมงานไปทำความเข้าใจ ถ้าน้ำไม่พอเกิดความเสียหาย จะไม่ได้รับค่าเยียวยาชดเชยจากรัฐกรณีเกิดภัยพิบัติ ในส่วนนอกเขตชลประทาน ได้เร่งให้ทุกพื้นที่ไปสำรวจมีแหล่งน้ำเท่าไหร่ ให้ได้ปริมาณน้ำมาภายในเดือนนี้ และบริหารจัดการอย่างไรให้เพียงพอไปถึงสิ้นเดือน พ.ค. โดยวันจันทร์ที่4มี.ค. จะแถลงแผนรับมือภัยแล้งไปยัง ผู้ว่าราชการ 76 จังหวัด