วันนี้ขอพักเรื่องศึกสนามเลือกตั้ง สถานการณ์การเมืองที่ร้อนฉ่าไว้สักครู่ เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีพรรคที่ต้องถูกยุบ หรือ ถูกตรวจสอบจาก กกต. อย่างเข้มข้น แต่เวลานี้ เรื่องที่อยู่ในความสนใจของกระแสสังคม และไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือข่าวในวงการสงฆ์ของไทย กรณี พระรัตนมุนี (ปุณณมี วิสารโท) รักษาการเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ได้มีคำสั่งสอบ พระภาวนารัตนญาณ (ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย กรณีที่เข้ารับการประกอบพิธี "เถราภิเษก" หรือ พิธียกยอสมณศักดิ์พระสงฆ์ในล้านนา ชั้นพระราชครูแห่งเมืองยอง ประเทศเมียนมา และมีการสวมมงกุฎ ว่า เหมาะสมกับความเป็นสมณะเพศหรือไม่ โดยภาพดังกล่าวปรากฏอยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย กระแสสังคมเข้าใจซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดในบทบาทของพระสงฆ์ รวมไปถึงความเหมาะสมด้วย สำหรับมงกุฏดังกล่าวพบว่า เป็นมงกุฏที่ทำจากทองคำแท้ น้ำหนัก 47 บาท ข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นดังนี้ และอาจต้องขยายความร่ายยาว กล่าวคือ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 ได้จัดให้มีพิธียกยอสมณศักดิ์ ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต และครูบาบุญมี ภัททันตวิมโล ทั้ง 2 รูป เป็น “พระราชครู” มงกุฎทองคำ สังฆาฏิทองคำ และแผ่นจารึกสุวรรณบัฏ ณ พระธาตุหลวงจอมยอง เมืองยอง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา พิธีที่จัดขึ้น ประเพณีโบราณล้านนา หรือ ไทลื้อเมืองยอง ถือเป็นงานมหาบุญบารมีครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เมืองยอง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา และการที่ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต และครูบาบุญมี ภัททันตวิมโล ทั้ง 2 รูป เป็น “พระราชครู” มงกุฎทองคำ สังฆาฏิทองคำ และแผ่นจารึกสุวรรณบัฏในครั้งนี้ ต้องได้รับความยินยอมมติเอกฉันท์จาก 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายประชาชนไทยลื้อเมืองยอง และ ฝ่ายสงฆ์ล้านนา ไทลื้อเมืองยอง ...ไม่มีใครจะอุปโลกน์ หรือ ลุกขึ้นมาสร้างมงกุฎทองคำแล้วนำไปสวมเองได้ หากไม่ได้รับการยินยอมจากทั้งฝ่ายประชาชนและฝ่ายสงฆ์ไทลื้อเมืองยอง อีกทั้ง ต้องเป็นพระสงฆ์ที่ดำรงตนยึดมั่นในศีลในธรรม ปวราณาตน สร้างคุณงามความดีช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง การที่ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ได้มาซึ่งสมณศักดิ์ครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งมิใช่หรือที่พระสงฆของไทย ที่มีจำนวนพรรษา 18 พรรษา อายุ 38 ปี แต่ได้รับการยกย่องเชิดชูจากประเทศเพื่อนบ้าน พระสงฆ์เมืองยอง ประเทศเมียนมา โดยพระสมเด็จอาชญาธรรม คนธรสว์โส สังฆนายก ได้มีฏีกา อาราธนานิมนต์ พระภาวนารัตนญาณ วิ. (พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต) เข้ารับสมณศักดิ์ ชั้นพระราชครู มอบมงกุฎทองคำ เป็นไปตามประเพณีชาวไทลื้อเมืองยอง โดยสมณศักดิ์ ของพระสงฆ์ล้านนา (ไทลื้อเมืองยอง) เรียงลำดับตั้งแต่สูงสุดมาดังนี้1.พระสมเด็จอัคคโมลี 2.พระสมเด็จอาชญาธรรม 3.พระราชครู มีเครื่องประกอบ สมณศักดิ์ คือ มงกุฎทองคำ สังฆาฏิทองคำ และ แผ่นจารึก สุวรรณบัฎ 4.พระครูบา5.พระสวามี 6.พระสวาติ และ7. พระภิกษุ หากย้อนกลับไปดูข้อเท็จจริงในอดีต ที่ผ่านมา มีพระสงฆ์ไทยที่ได้รับตำแหน่งสงฆ์เชียงตุง-เมืองยอง 1.พระราชปริยัตยาภรณ์ (วิสุทธิ์ วิสุทฺธิสาโร) เจ้าอาวาสวัดอมรคีรี กรุงเทพฯ ได้รับตำแหน่ง “ครูบา” เป็นครูบาวิสุทธิสารญาณ เมื่อปี 2541 2.พระราชกิตติสุนทร (บุญเลิศ ธมฺมกาโม) ปธ.7 ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดเจดีย์งาม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เดิมเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับตำแหน่ง “ครูบา” เป็น ครูบาบุญเลิศ เมื่อปี 2541 3.พระครูวิฑิตพิพัฒนาภรณ์ (ครูบามนตรี ธมฺเมธี) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี อ.สูงเม่น จ.แพร่ ได้รับตำแหน่ง “ครูบา” เป็นครูบามนตรี เมื่อปี 2541 4.พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพว ประเทศพม่า เดิมเป็นคนบ้านด้าย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้รับตำแหน่ง “ครูบา” เป็นครูบาบุญชุ่ม เมื่อปี 2541 (ได้ขะจุ๋มคำ สันนิษฐานว่าใช้พิธีกรรมของเมืองยอง) 5. พระครูไพศาลพัฒนาโกวิท (ครูบาเทือง นาถสีโล) เจ้าอาวาสวัดบ้านเด่นสะหลีศรีเมืองแกน อ.แม่แตง จ.เชียงใหมา ได้รับตำแหน่ง “ครูบา” เป็น ครูบาเทือง จัดพิธีกรรมที่วัดพระธาตุสายเมือง ท่าขี้เหล็ก พม่า เมื่อปี 2558 (ได้ขะจุ๋มเงิน) 6. พระภาวนารัตนญาณ วิ. (ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ได้รับตำแหน่ง “ราชครู” จากคณะสงฆ์ เมืองยอง พม่า เมื่อปี 2562 (ได้ขะจุ๋มคำ) นอกจากนี้ยังมีพระสงฆ์ของไทยในภาคเหนืออีกหลายรูป ที่ได้รับตำแหน่งอื่นๆ อีก เช่น ตำแหน่ง พระสวามี ตำแหน่งพระสวาธิ อีกจำนวนมาก และมีหลักฐานชัดเจน แต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้นเอง!! ที่ผ่านมา ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นพระสงฆ์ไทยที่ยึดมั่น ถือมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ปวราณาตนช่วยเหลือทนุบำรุงศาสนา ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้ยากไร้ แต่ก็ยังไม่วายที่จะถูกผู้มีกิเลสกล่าวหาโจมตีมาโดยตลอด และผู้นั่นก็แพ้พ่ายไปเอง มาครั้งนี้ก้อเช่นกัน ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์จากประเทศเพื่อนบ้าน วงการสงฆ์ไทยต้องร่วมแสดงความยินดี เหมือนกับนักวิชาการไทยไปได้รับรางวัลจากต่างประเทศ แต่กลับถูกคนบางกลุ่มที่จิดใจยังเต็มไปด้วยกิเลส ได้พยายามสร้างเรื่องนำไปเกี่ยวโยงเรื่องมงกุฏทองคำน้ำหนัก 47 บาทที่ครูบาอริยชาติ อริยจิตโตสวมนั้น ได้เป็นการปฎิบัติตามธรรมเนียมประเพณี การถวายสมณศักดิ์ ของชาวไทลื้อเมืองยอง รัฐฉาน ของเมียนมา ที่เป็นประเทศที่เคร่งศาสนาพุทธมากกว่าบ้านเรา ที่ได้ยกย่องพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็จะมอบสมณศักดิ์ให้กับพระต่างประเทศ และที่ผ่านมาสงฆ์ของไทยเคยได้รับมาแล้วหลายรูป แต่ไม่เคยมีปัญหา หากเทียบกับถ้าทางโลกที่มีการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตให้กับบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์ในสาขาต่างๆ ที่สำคัญ มงกุฎทองคำที่ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เมื่อได้รับแล้ว ได้สละเพื่อไปทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ถวายให้พิพิธภัณฑ์หอพระแก้วเก้า ยกให้เป็นสมบัติของวัด ไม่ได้เอามาเป็นของส่วนตัว เพราะตามธรรมเนียมประเพณีปฎิบัติ พระสงฆ์ที่ได้รับมงกุฎทองคำจะต้องสละเพื่อสาธารณะประโยชน์ สละเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนต่อไป สาเหตุที่ต้องร่ายยาวให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอย่าลงลึก เพื่อต้องการตีแผ่ให้สาธารณชนรับรู้ข้อเท็จจริง ถึงการได้มาซึ่งสมณศักดิ์ครั้งนี้ของ ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ตามธรรมเนียมประเพณีไทลื้อเมืองยอง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ผู้เสพสื่อเสพข่าวอย่างเรา อย่าเพียงแต่หน้ามืดตามัว หลงเชื่อเสพข่าวในโลกออนไลน์กันอย่างขาดสติ ขาดการพิจารณา ...ในโลกการสื่อสารไร้พรมแดน ไปสู่ยุค 4G และกำลังจะไปสู่ 5G เสพข่าวเสพสื่อได้ แต่ต้องใช้วิจารณาญพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนให้ถ่องแท้ อย่าหลงกลตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการออกมาปลุกปั่นสร้างกระแสทำลายวงการพระพุทธศาสนาที่พึ่งทางใจของพุทธศาสนิกชนไทย อย่างที่บอกความจริงก็คือความจริง ไม่มีอะไรมาบิดเบือนได้ แต่การนำเสนอข้อมูลในโลกออนไลน์ ต้องก้าวล้ำพัฒนา ใส่รายละเอียด ข้อเท็จจริง การได้มาซึ่งสมณะศักดิ์ครั้งนี้อย่างละเอียด และ ถูกต้อง อย่าดูแต่ภาพแล้วเอาไปถ่ายทอดต่ออย่างไร้ข้อมูล เพราะนั่นอาจจะเป็นไปตามคำโบราณ ‘ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับกระเดียด ‘ จะทำให้ความน่าเชื่อถือถูกลดทอนออกไปอย่างสิ้นเชิง....เอวัง ด้วยประการฉะนี้ สาธุ!!!!