โพลมาฆบูชาเผยปัญหาเร่งด่วนพระพุทธศาสนาต้องแก้ไข ใช้ความเชื่อศรัทธาสร้างรายได้กับตนเอง แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์หลอกลวงรับบริจาคเงิน ปรับเปลี่ยนวิธีเทศน์ให้น่าสนใจ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.62 นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นเด็ก เยาวชนและประชาชนหัวข้อ “วันมาฆบูชา” สำคัญอย่างไร จากกลุ่มตัวอย่าง 5,335 คนทั่วประเทศ ผลสำรวจพบว่าร้อยละ 74.57 ทราบวันมาฆบูชาปีนี้ตรงกับวันที่ 19 ก.พ. เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์” แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรกในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะหรือเดือน 3 และร้อยละ 65.53 ตอบว่ามีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ส่วนกิจกรรมที่ประชาชนจะทำในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ประจำปี 2562 ร้อยละ 56.17 บอกว่าตักบาตร ร้อยละ 25.51 เข้าวัดปฏิบัติธรรม และร้อยละ 20.78 สวดมนต์ที่บ้าน นายวีระ กล่าวอีกว่า สอบถามความเห็นหลักธรรมใดที่ควรยึดถือปฏิบัติและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันในช่วงวันมาฆบูชา ร้อยละ 72.89 ศีล 5 คือเว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย เว้นจากการพูดเท็จ และเว้นจากการดื่มน้ำเมา และร้อยละ 44.25 โอวาทปาฏิโมกข์ หลักคำสอนอันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา การไม่ทำบาปทั้งปวง ส่วนปัญหาเร่งด่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่ต้องแก้ไข ได้แก่ การใช้ความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนาพุทธมาทำให้เกิดรายได้หรือข้าวของเงินทองให้กับตนเอง ประเด็นด้านลบที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ บุคคลที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ หลอกลวงรับบริจาคเงิน และพระสงฆ์ประพฤติตัวไม่เหมาะสม นอกจากนี้ผลสำรวจวิธีการใดที่จะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้าวัดมากขึ้น พระสงฆ์ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเทศน์ที่ทำให้น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ และแฝงไว้ด้วยคำสอนที่เข้าใจง่าย “เมื่อถามว่ากิจกรรมประเพณีทางพระพุทธศาสนาที่ควรสืบสานและฟื้นฟู ได้แก่ ประกวดสวดมนต์ แข่งขันตอบปัญหาธรรมะ เพราะเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ สอดแทรกความรู้ สาระที่เป็นประโยชน์ และช่วยกระตุ้นให้เด็กสนใจเข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้น และการปฏิบัติธรรม การนั่งสมาธิ เพราะคนยุคสมัยใหม่ไม่ค่อยนิยมการเข้าวัดปฏิบัติธรรม แต่การจะสืบสานควรปรับเนื้อหาให้เข้ากับยุคสมัยไม่ย่ำอยู่กับที่ จะทำให้คนยุคใหม่เข้ามาสนใจมากขึ้นได้” นายวีระ รมว.วัฒนธรรม กล่าว