ชาวบ้านชายแดนผิดหวัง! หลัง กองทัพบกย้ำ “ตอบโต้กัมพูชา” ต้องรอบคอบ – หลายร้านปิดหนี ย้ายถิ่นทำกินใหม่

วันที่ 30 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคตะวันออก พบว่าหลังจาก กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า “กองทัพบกย้ำการตอบโต้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกมิติ” พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลุกเร้าให้เกิดการปะทะ ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะบริเวณใกล้ ปราสาทตาควาย เกิดความรู้สึกผิดหวัง และเชื่อว่าสถานการณ์อาจยืดเยื้อ ไม่มีการเผชิญหน้าทางทหารในเร็ววันนี้

ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนเปิดเผยว่า บรรยากาศโดยรอบยังคงเงียบเหงา หลายร้านค้าตามแนวชายแดนเริ่มทยอยปิดร้าน และบางครอบครัวย้ายไปประกอบอาชีพที่อื่น เนื่องจากกังวลว่าสถานการณ์อาจไม่คลี่คลายในเร็ววัน แม้จะไม่มีเสียงปืนหรือการปะทะเกิดขึ้น แต่ก็มีความตึงเครียดและไม่แน่ใจในท่าทีของทั้งสองฝ่าย

ด้าน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 กันยายน ว่า สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชายังอยู่ในภาวะตึงเครียด โดยกองทัพกัมพูชายังคงจัดกำลังตรึงพื้นที่ตามแนวชายแดน และมีพฤติกรรมละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งการวางทุ่นระเบิด การใช้อาวุธยั่วยุ การแสดงกำลัง รวมถึงการส่งโดรนบินลาดตระเวน

พลตรี วินธัย ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็น กลยุทธ์ของฝ่ายกัมพูชา ที่มุ่ง “สร้างสถานการณ์” เพื่อหวังให้ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธ แล้วนำเหตุการณ์ไปเผยแพร่ในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อสร้างภาพว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายถูกกระทำและไทยเป็นฝ่ายรุกราน

“กองทัพบกต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของการบิดเบือนข้อเท็จจริง ขอย้ำว่าการปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ได้อาศัยเฉพาะกำลังทางทหารเท่านั้น แต่ต้องบูรณาการร่วมกับมาตรการทางการเมือง การทูต และการสื่อสารกับประชาคมโลกอย่างเป็นระบบ”

กองทัพบกยังคงยืนยันว่า ทุกหน่วยมีความพร้อมสูงสุดในการเฝ้าระวังแนวชายแดน ทั้งในระดับกองบัญชาการ กองกำลังภาคสนาม และฝ่ายปกครองท้องถิ่น โดยเน้นดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ส่วนหลังอย่างใกล้ชิด พร้อมเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวสารที่พยายามปลุกเร้าให้เกิดการตอบโต้ทางทหาร

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านหลายรายในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทยระบุว่า “ไม่เชื่อว่าการเจรจาจะทำให้กัมพูชาถอยออกจากพื้นที่ปราสาทตาควายได้จริง” และมองว่าความขัดแย้งอาจยืดเยื้อไปอีกระยะหนึ่ง
 

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบริเวนย่านการค้าตลาดชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลังจากกองทัพ ได้ออกมาโพสต์ถึงท่าทีว่าหลังจากนี้“ในการตอบโต้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกมิติ” เป็นการส่งสัญญาณออกมาว่า จะไม่มีสงครามเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ก็ยิ่งจะทำให้สถานการณ์ชายแดนคลุมเครือยาวนานส่งผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนชายแดน ต่อไปอย่างไม่จบสิ้นลงโดยเร็ววันนี้

ซึ่งชาวบ้านชายแดนส่วนใหญ่  ต่างอยากให้กองทัพและรัฐบาลจัดการให้จบ เพราะกัมพูชาเจรจาไม่รู้เรื่องและไว้ใจไม่ได้ ต่างมองว่ารัฐบาลและกองทัพน่าจะไม่สร้างสงครามรอบที่ 2 แล้ว โดยเน้นหลักการสันติวิธีและการทูตดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านชายแดนเริ่มผิดหวัง และวิตกกังวลว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปแบบนี้ยิ่งจะส่งผลให้การใช้ชีวิตความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพของชาวบ้านยิ่งย่ำแย่ นอกจากต้องอยู่อย่างหวาดระแวงแล้ว ชายแดนช่องจอมก็ไร้ผู้คนมาท่องเที่ยว ชาวบ้านยิ่งต้องอดอยากกันต่อไปอีกยาวนาน โดยเฉพาะในเรื่องดินแดน ที่ไทยยังได้มาไม่หมด เช่นที่ปราสาทตาควาย การเจรจาอย่างสันติ กัมพูชาคงไม่ยอมถอยออกจากจุดนี้

สถานการณ์ชายแดนที่ยืดเยื้อดังกล่าว นอกจากร้านค้า ร้านสะดวกซื้อบางแห่ง ที่ปิดตัวลงจำนวนมากแล้ว ร้านอาหารหลายร้านก็ทยอยปิดตัวลงและเดินทางไปหาทำเลเปิดร้านใหม่นอกพื้นที่ โดยเฉพาะนางศิริภา บูรณ์เจริญ  แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งและส้มตำปูปลาร้าแซ่บนัวร์ ตรงข้ามตลาดชายแดนช่องจอม  ก็กำลังขนของและปิดร้าน หลังจากเปิดขายมานานกว่า 20 ปี เพื่อเดินทางไปเปิดร้านใหม่ที่หมู่บ้านขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะฯแทน เนื่องจากทนแบกรับภาระหนี้สิน งวดรถยนต์ ค่าครองชีพ ลูกหลานเรียน และค่าเช่าร้านไม่ไหว

นางศิริภา  บูรณ์เจริญ แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งและส้มตำปูปลาร้าแซ่บนัวร์ กล่าวว่า ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปแบบนี้ เศรษฐกิจชายแดนก็จะยิ่งทรุดหนักลงไปกว่านี้อีก ไม่มีคนมาเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหารทยอยปิดตัวลง เพราะรอให้สถานการณ์จบคงไม่ได้ ต้องไปหารายได้ที่อื่น เพราะมีภาระต้องรับผิดชอบ

ต่อข้อถามถึงกรณี ที่กองทัพ จะยังไม่มีการตอบโต้ด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นการส่งสัญญาณว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ตนมองว่า สถานการณ์ก็คงไม่จบง่าย ก็วอนให้รัฐบาลเจรจาให้จบเร็วๆ ถ้าไม่ตอบโต้ เพื่อปากท้องของคนชายแดนที่กำลังจะอดตาย  ถ้าการเจรจากับกัมพูชาแล้วกัมพูชายอมรับในข้อตกลงและยอมถอยจากดินแดนของเรา โดยเฉพาะปราสาทตาควาย ประชาชนก็มั่นใจยิ่งขึ้น แต่ตนไม่เชื่อว่าจะเจรจาสำเร็จ ไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์  เราเชื่อใจกัมพูชาไม่ได้เลยที่ผ่านมา แม้กระทั่งการสู้รบ เพราะไม่มีสัจจะ ชาวบ้านชายแดนไม่อยากให้เจรจา

 

#ภูมิภาค-63