สระแก้วออกแถลงการณ์โต้หลังได้รับหนังสือประท้วงจากเขมร อ้างข้อตกลงที่ตัวเองไม่เคยทำตาม กล่าวอ้างอย่างน่าละอายว่าอยู่อาศัยมานาน ตะเพิดไปทำแผนอพยพ ถ้าไม่ทำจะไม่รับฟังการประท้วงทุกกรณี นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

วันนี้ (29 ก.ย.68) ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ออกแถลงการณ์จังหวัดสระแก้ว โดยระบุว่า จังหวัดสระแก้วได้รับหนังสือประท้วงจากจังหวัดบ็อนเตียย์เมีอนเจีย จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้ ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.68 ประท้วงกรณีกองกำลังทหารฝ่ายไทยได้นำเครื่องจักร รถบรรทุกดิน ทำการถมดินปรับเกลี่ยดินทำทางและวางเสาไฟฟ้า รวมทั้งติดตั้งกล้องวงารปิดในพื้นที่บ้านโจกเจย และบ้านไปรจัน ตำบลโอร์แบ็ยเจือน อาเภอโอร์โจร

และฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 28 ก.ย.68 ประท้วงกรณีจังหวัดสระแก้วประกาศใช้กฎหมายภายในประเทศไทยกับประชาชนขาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่หมู่บ้านโจกเลย และบ้านไปรจัน ตำบลโอร์เบ็ยเจือน อำเภอโอร์โจรว ทั้งนี้ จังหวัดสระแก้ว ได้พิจารณาข้อประท้วงของ และแจ้งให้ทราบดังนี้ 1.การประท้วงเกี่ยวกับการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคชั้นพื้นฐานและระบบรักษาความปลอดภัยที่อยู่ในพื้นพื้นที่ของไทย ถือเป็นการประท้วงที่บิดเบือนความเป็นจริงและเป็นที่น่าผิดหวัง ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด บ็อนเตียย์เมือนเจีย พยายามนำเสนอถึงข้อตกลงต่าง ๆ ที่ตนเองไม่เคยเคารพปฏิบัติตาม และพยายามกล่าวอ้างอย่างน่าละอายถึงการอยู่อาศัยมานาน หลายทศวรรษทั้ง ๆ ที่เป็นพื้นที่ในราชอาณาจักรไทย ที่ประเทศไทยตัดสินใจด้านมนุษยธรรมในการเปิดพรมแดนในช่วงปี 2526 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หนีภัยสงครามกลางเมืองในประเทศกัมพูชาเข้ามาหาที่พักพิงในไทย และในปัจจุบันก็ยังไม่เคยหยุดการดำเนินการยั่วยุอันนำมาซึ่งความขัดแย้งแย้งและเพิ่มความตึงเครียดด้วยตนเอง

2. จังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ควจะต้องกลับไปเร่งพิจารณาจัดทำแผนอพอพราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำงพื้นที่ของราชอาณาจักรไทย และอยู่นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามที่จังหวัดสระแก้วเสนอโดยเร่งด่วน พร้อมส่งแผนอพยพดังกล่าวให้จังหวัดสระแก้วภายในวันที่10 ต.ค.68 รวมทั้งดำเนินการย้ายราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่ของราชอาณาจักรไทยและอยู่นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ กลับราชอาณาจักรกัมพูชาตามแผนอพยพ อันจะเป็นการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและเป็นไปตามหลักการสากล ซึ่งจะเหมาะสมกว่าการประท้วงอย่างบิดเบือนความเป็นจริงและการกล่าวอ้างที่น่าละอายดังกล่าว

3. จังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย จะต้องหยุดการดำเนินการต่อการยั่วยุสร้างความขัดแย้งหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่การก่อสร้างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราวนอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำด้วยตนเอง ไช้หรือจ้างวานประชาชนชาวกัมพูชาดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายท้ายสุดแล้ว ในชั้นศาลอาจจะมีคำพิพากษาให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด

4. หากจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ไม่ดำเนินการตามข้อ 2 และข้อ 3 จังหวัดสระแก้วจะไม่รับฟังการประท้วงทุกกรณี และไม่พิจารณาข้อเสนอใด ๆ ของจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

#ภูมิภาค-40