เนื่องในวันที่ 29 กันยายนของทุกปี เป็น “วันหัวใจโลก (World Heart Day)” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Don’t Miss a Beat” เน้นถึงความสำคัญคือการดูแลหัวใจและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การดูแลเชิงรุกจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพ
ประเทศไทยพบผู้ป่วยสะสมด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่า 2.5 แสนราย และเสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 4 หมื่นราย เฉลี่ยชั่วโมงละ 5 คน โดยหนึ่งในผลกระทบที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ คือ ผู้ป่วยในจำนวนนี้มีล้วนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจที่รุนแรงขึ้น เช่น โรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวี อาร์เอสวีเป็นไวรัสในระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยและสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน อาจก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงมากขึ้นในผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด วันหัวใจโลกจึงเป็นการตอกย้ำเพื่อสร้างความตระหนักถึงความเสี่ยงและการดูแลสุขภาพเชิงรุกเพื่อปกป้องสุขภาพหัวใจของทุกคนเพื่อให้หัวใจ ไม่พลาดจังหวะ (Don’t Miss a Beat)
อย่ามองข้ามอาการหวัด — เพราะอาจเจอ โรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวี ที่ส่งผลต่อหัวใจ
โรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีเป็นไวรัสตามฤดูกาลที่ติดต่อได้ง่าย โดยทั่วไปทำให้เกิดอาการคล้ายหวัดที่ไม่รุนแรง ในแต่ละปีทั่วโลก มีผู้สูงอายุราว 470,000 คน ที่ติดเชื้ออาร์เอสวีจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ข้อมูลในประเทศไทยชี้ให้เห็นว่า ผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีจนเกิดปอดอักเสบ มีอัตราเสียชีวิตประมาณ 12 รายต่อผู้ป่วย 100 ราย ขณะที่ในเด็ก อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่ามาก เพียงราว 0.12% เท่านั้น โรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีสามารถทำให้เกิดการอักเสบในปอด ซึ่งส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้อาการของโรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD) ที่มีอยู่เดิมแย่ลง เมื่อร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อ ความดันโลหิตจะสูงขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดเพิ่มขึ้น และหัวใจอาจบวมและเกิดพังผืดได้
ความเสี่ยงสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD) มีอะไรบ้าง?
ผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีที่รุนแรงเพิ่มขึ้น รวมถึงผู้ที่มีหลอดลมฝอยอักเสบหรือปอดอักเสบ ผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว มีความเสี่ยงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจาก โรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวี สูงกว่าผู้ที่ไม่มีภาวะนี้ถึง 8 เท่า โรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีอาจทำให้อาการของโรคหัวใจและหลอดเลือดทรุดหนักลงได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและมีโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่เดิม ซึ่งจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเฉียบพลัน เช่น เจ็บหน้าอกจากภาวะหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
พญ.บุษกร มหรรฆานุเคราะห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ GSK กล่าวว่า “เนื่องในวันหัวใจโลกการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ผู้คนมีสุขภาพร่างกายและหัวใจที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือ โรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวี ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่แท้จริงแล้วโรคนี้สามารถแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว ผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วย หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่ปนเปื้อนตามสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็ก ซึ่งมักมีการแพร่เชื้อจากโรงเรียนและนำเชื้อกลับมาแพร่สู่คนในบ้าน รวมถึงผู้สูงอายุและผู้ปกครอง แม้โรคนี้จะเกิดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่กลับมีอาการรุนแรงในผู้สูงอายุมากกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคเบาหวาน ซึ่งความรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะปอดติดเชื้อ ระบบหายใจล้มเหลว หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้”
พญ.บุษกร ย้ำว่า “เชื้ออาร์เอสวีสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและเร็วกว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และเชื้อโควิด ผู้ติดเชื้อ 1 คน สามารถแพร่กระจายไปได้ถึง 3 คน อาการเริ่มต้นของโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ น้ำมูก และเสมหะ แต่หากอาการรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการหอบเหนื่อยและหายใจมีเสียงหวีด ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตราย ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีโดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการวินิจฉัยและเป็นการรักษาตามอาการ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ในที่สุด”
การสังเกตสัญญาณเตือน: เมื่อใดควรขอความช่วยเหลือ
สำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด อาการของโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีอาจรุนแรงขึ้นได้ สัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่:
- ไอรุนแรงหรือมีอาการไอมากขึ้น
- หายใจเร็ว หายใจติดขัด หรือหายใจลำบาก
- มีเสียงผิดปกติขณะหายใจ เช่น เสียงดังหรือเสียงหวีดชัดเจน
- เบื่ออาหาร รับประทานได้น้อย
- สับสน มึนงง หรือมีภาวะรับรู้ลดลง
- หากมีโรคหัวใจและหลอดเลือด และมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที
- ปกป้องหัวใจของคุณในวันหัวใจโลก
ในวันหัวใจโลก ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวี และทำความเข้าใจว่าโรคประจำตัวอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงมากขึ้นได้อย่างไร
ขั้นตอนง่าย ๆ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องตนเองและคนรอบข้าง:
- รักษาสุขอนามัย: ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาทีบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
- ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ: วัคซีนช่วยลดความเสี่ยงของโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีได้ ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ
- ลดการสัมผัสเชื้อ: หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่อาจติดเชื้อ และพิจารณาสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดหรือแออัด โดยเฉพาะช่วงที่โรคระบาด ซึ่งมักเกิดระหว่างเดือนกรกฎาคม–พฤศจิกายน
- พักผ่อนอยู่บ้านเมื่อรู้สึกไม่สบาย: หากเริ่มมีอาการ ควรเลี่ยงการพบปะที่ไม่จำเป็น เพื่อลดการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
- รู้จักอาการของตนเอง: สังเกตสัญญาณของโรคที่อาจรุนแรงขึ้น และรีบพบแพทย์หากมีความกังวล การรักษาแต่เนิ่น ๆ สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง
ในวันหัวใจโลก มาร่วมกันปกป้องหัวใจจากภัยคุกคามอย่างโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีด้วยการเข้าใจความเสี่ยงและดูแลสุขภาพป้องกันเชิงรุก ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงขึ้นได้