วันที่ 26 ก.ย.68 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า ความไม่ชอบมาพากลในสายตาประชาชนจากกรณีคณะอัยการมีมติ 7 ต่อ 2 ไม่อุทธรณ์คดี ม.112 “ทักษิณ”
#อัษฎางค์ยมนาค #อ่านเกมอำนาจ
คณะทำงานอัยการมีมติ 7 ต่อ 2 เสนอความเห็นไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 ของนายทักษิณ ชินวัตร หลังศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง
โดยอัยการสูงสุดคนปัจจุบันจะส่งเรื่องต่อให้อัยการสูงสุดคนใหม่เป็นผู้พิจารณา เนื่องจากกำลังจะเกษียณอายุราชการ
ถ้ามีใครตั้งคำคำถามกับผมว่า…
คุณคิดว่ามีความไม่ชอบมาพากลหรือไม่
เพราะเป็นคดีใหญ่มาก และผู้กระทำผิดก็มีพฤติกรรมฉ้อฉลหลายประการ เช่นกรณีไปนอนที่ชั้น 14
คำตอบคือ
1. หลักการตามกฎหมายและกระบวนการ
• มาตรา 112 เป็นคดีอาญาแผ่นดิน → โดยปกติอัยการมีหน้าที่ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อปกป้องสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่เพียงคดีแพ่งที่คู่กรณีสามารถยอมความกันได้
• การอุทธรณ์ → ตามหลักแล้ว หากศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่ยังมีพยานหลักฐานที่ตีความได้ต่าง หรือมีข้อกฎหมายให้โต้แย้ง การอุทธรณ์เป็น “มาตรฐานปกติ” ที่ควรทำ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์ตรวจสอบซ้ำอีกชั้นหนึ่ง
• อำนาจของ อสส. → แม้คณะทำงานอัยการมีมติ 7 ต่อ 2 แต่เป็นเพียง “ข้อเสนอแนะ” สุดท้ายอัยการสูงสุด (อสส.) ต้องเป็นผู้ตัดสินใจ หาก อสส.เกษียณแล้วยกเรื่องให้คนใหม่ตัดสิน แสดงว่าเป็นการ “ถ่ายความรับผิดชอบ” ซึ่งอาจถูกตีความได้ทั้งว่าเป็นการรักษามารยาท หรือเป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
2. ความไม่ชอบมาพากลที่ควรตั้งข้อสังเกต
• น้ำหนักของคดี: เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ที่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีผู้มีประวัติถูกพิพากษาและหลบหนีคดีอื่น ๆ การที่คณะอัยการส่วนใหญ่เสนอ “ไม่อุทธรณ์” ทั้งที่หลักการทั่วไปควรอุทธรณ์ → อาจถูกตั้งคำถามว่าเป็นการใช้ดุลพินิจที่ “เลือกปฏิบัติ” หรือไม่
• การโยกย้ายต่ออายุราชการ: การส่งต่อให้ อสส. คนใหม่ตัดสินใจในช่วงรอยต่อ อาจสะท้อนความพยายาม “ผลักภาระ” ให้ผู้อื่นรับผิดแทน ทั้งที่โดยตำแหน่ง อสส.ปัจจุบันยังมีอำนาจเต็ม → จุดนี้ทำให้เกิดความคลางแคลงใจเรื่อง “การจัดฉากเวลา”
• บริบทอื่น: พฤติกรรมของนายทักษิณในกรณี “ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ” ที่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังทั่วไป เป็นตัวอย่างที่ตอกย้ำภาพการฉ้อฉลของคดีนายทักษิณที่ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” และเป็นเหตุให้ต้อง “กลับไปติดคุก” เพราะศาลเห็นว่านายทักษิณไม่ได้มีอาการป่วยวิกฤตที่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล แต่เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาแบบผู้ป่วยนอกได้
3. มุมการเมืองและผลสะเทือน
• การไม่อุทธรณ์ อาจถูกตีความว่าเป็นการเปิดทางให้ทักษิณพ้นจากภาระคดีสำคัญ และทำให้ “คลายพันธนาการทางการเมือง”
• กระทบความน่าเชื่อถือของ สถาบันอัยการ ในสายตาสังคม เพราะดูเหมือนถูกกดดันทางการเมือง
• เสี่ยงต่อ ปัญหาความชอบธรรม ของระบบยุติธรรมไทยระยะยาว เมื่อประชาชนเห็นว่าคนระดับสูงหลุดพ้นได้ง่าย แต่คนทั่วไปถูกดำเนินคดีอย่างเข้มงวด
สรุป
ในมุมกฎหมาย → การที่อัยการไม่อุทธรณ์ “ทำได้” แต่ไม่ใช่แนวปฏิบัติที่เหมาะสมในคดีใหญ่เช่นนี้
ในมุมกระบวนการยุติธรรม → มี “ความไม่ชอบมาพากล” ที่สังคมตั้งคำถามได้ โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายความรับผิดชอบให้ อสส. คนใหม่
ในมุมการเมือง → สะท้อนอิทธิพลของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม และจะกลายเป็นบรรทัดฐานอันตราย ว่าคนบางกลุ่ม “แตะไม่ได้”
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์