เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 24 กันยายน 2568 บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสนเกิดทรุดตัว เป็นหลุมขนาดใหญ่ โดยที่เกิดเหตุโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน–ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ภายใต้การบริหารของ “รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย” (รฟม.) มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.6 กิโลเมตร
แบ่งเป็น โครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 13.6 กิโลเมตร จำนวน 10 สถานี โครงสร้างทางวิ่งยกระดับ 10 กิโลเมตร จำนวน 7 สถานีวงเงินลงทุน กว่า 82,200 ล้านบาท ล่าสุดโครงการมีความคืบหน้าไปมากกว่า 60%
ทั้งนี้มองย้อนไปตั้งแต่เริ่มการประมูลโครงการฯ พิจารณาจากเกณฑ์ราคา ทั้งที่บริเวณพื้นที่ก่อสร้าง มีลักษณะเป็นดินอ่อน ผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง ที่ต้องให้ความสำคัญกับเทคนิคงานก่อสร้าง และท้ายสุด รฟม.ประกาศผู้ชนะประมูลโครงการ 5 ราย พร้อมกับแยกสัญญาจ้างก่อสร้างตามเส้นทาง ตั้งแต่ ช่วงเตาปูน ถึง ดาวคะนอง และงานออกแบบและก่อสร้าง ระบบราง และอาคารจอดรถ จำนวน 6 สัญญา โดย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ 3 สัญญา , ช.การช่าง จับมือกับ ซิโน-ไทย 2 สัญญา และนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น 1 สัญญา
นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการรฟม. กล่าวว่า พื้นที่เกิดเหตุ "ถนนยุบตัว" เป็นบริเวณก่อสร้าง "สถานีวชิรพยาบาล" ส่วนปลายของสถานีกับตัวอุโมงค์ ซึ่งเป็นทางวิ่งของรถไฟฟ้าใต้ดิน มุ่งหน้าไปยังอาคารรัฐสภา และคาดว่าจะส่งมอบพื้นที่ และเปิดบริการ ในปี 2570 โดยอุโมงค์ดังกล่าว เป็นอุโมงค์ที่ซ้อนกัน 2 ชั้น บริเวณชั้นบน จะมีความลึกอยู่ที่ 15 เมตร ส่วนอุโมงค์ชั้นล่าง มีความลึกประมาณ 20 เมตรเศษ มีกิจการร่วมค้า CKST-PL ซึ่งประกอบด้วย บมจ. ช.การช่าง ถือหุ้น 55% และ บมจ. ซิโน-ไทย 45% เป็นผู้รับจ้าง ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 วงเงิน 19,400 ล้านบาท กิจการร่วมค้านี้ ยังได้งานสัญญาที่ 2 ช่วงหอสมุดแห่งชาติ ถึงผ่านฟ้าด้วย
ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนต้นทุนทางเศรษฐกิจที่ไม่ควรเกิดขึ้น โดยเฉพาะความล่าช้าในโครงการก่อสร้าง ถ้าต้องมีการซ่อมเเซม มีต้นทุนที่สูงขึ้น เข้าใจว่าผู้รับเหมาก็ต้องรับผิดชอบ คงเป็นไปตามสัญญา เเต่โครงการที่ต้องเปิดล่าช้า มีค่าปรับอย่างไร เพราะจะส่งผลกระทบกับ รฟม.ที่มีเเผนต้องเปิดใช้ ที่สำคัญคือ คุ้มค่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่ ที่อาจชะลอไปอีก 1–2 ปี เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้ และสามารถเปิดได้ตามปกติ ก็จะสามารถสร้างรายได้ สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้
ดังนั้นเงื่อนไขปรับความล่าช้าตามสัญญาก่อสร้าง ต้องไปตรวจสอบว่าเพียงพอที่จะครอบคลุมความเสียหายที่แท้จริงได้หรือไม่ โดยเฉพาะหากความเสียหายสูงกว่ามูลค่าโครงการ อีกทั้งยังมีต้นทุนที่ซ่อนอยู่ เช่น กรณีบางส่วนของโครงการสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังใช้งานไม่ได้เพราะต้องรอแก้ปัญหา ทำให้ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาในช่วงที่ยังเปิดไม่ได้ หรือ รถไฟฟ้าสายสีส้มที่ก่อสร้างแล้วเสร็จบางส่วน แต่ไม่สามารถวางรางต่อได้ ก็เป็นต้นทุนของทั้งสาย และเหตุการณ์ล่าสุด มีแผนเปิดให้บริการโครงการในปี 2571 แต่ต้องเลื่อนออกไปอีก และยังไม่สามารถระบุเวลาที่ชัดเจนได้จนกว่าจะประเมินความเสียหายครบถ้วน
เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายต้องเร่งทบทวน!!
หาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก!!
เพราะความเสียหายไม่สามารถประเมินความค่าได้!!!