เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 26 ก.ย. 68 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และ น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้ากระทรวงมหาดไทย วันแรก หลังที่นายอนุทิน เปลี่ยนรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เพื่อมอบนโยบาย โดยมีนายอรรถษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการระดับสูง ให้การต้อนรับ
นายอนุทิน กล่าวมอบนโยบายว่า ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ตนดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้เรารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และตั้งใจไว้ว่าจะทำงานสนองพระเดชพระคุณอย่างสุดความสามารถร่วมกับพวกท่าน เหนือสิ่งอื่นใดตนมีความยินดี ดีใจที่ได้กลับมาพบกับทุกท่านอีกครั้งในกระทรวงมหาดไทยแห่งนี้
ในขณะที่ตนพักร้อนไป 2 เดือนกว่า ได้ทราบว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายข้าราชการ มีความพยายามใช้อำนาจทางการเมือง เพื่อให้เกิดการกระทำในสิ่งต่าง ๆ สิ่งที่ได้เกิดขึ้นนั้นเป็นเครื่องเตือนใจว่าการเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าผู้บริหารระดับสูงใครจะมาใครจะไป
สิ่งที่พวกท่านทั้งหลายในฐานะที่เป็นข้าราชการฝ่ายประจำ ควรจะต้องยึดมั่น ตั้งมั่นและยึดถือให้ไม่เสื่อมคลาย คือการมีความซื่อตรงต่อหน้าที่การรักษาศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการ ความคงเส้นคงวา และรักษาศักดิ์ศรีขององค์กร ซึ่งศักดิ์ศรีเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ พวกเราทุกคนปฏิบัติตามภารกิจหน้าที่ ตามกฎหมายกฎระเบียบ
โดยดำเนินการทุกอย่างบนประโยชน์ของประเทศ ของรัฐบาล ของกระทรวงมหาดไทย และของประชาชนซึ่งมีราษฎรเป็นที่ตั้ง ตนมีความภาคภูมิใจ ที่ท่านทั้งหลายได้ร่วมกันทำงาน และยึดถือสิ่งที่ถือร่วมกันมาและสิ่งเดียวที่ตนอยากจะขอจากท่าน คือ ขอให้รักษาหลักการนี้ต่อไป ขอให้วัฒนธรรมของกระทรวงมหาดไทย ในทุกระดับให้เป็นวัฒนธรรมแห่งความเป็นมืออาชีพ มีความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด ไม่ต้องเกรงกลัวต่ออำนาจใด ๆ ที่เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง หรือต้องไม่ถูกล่อใจ ด้วยผลประโยชน์สิ่งอื่นใด ที่ทำให้เจตนารมณ์และอุดมการณ์ของท่านต้องโอนอ่อน เพราะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายข้าราชการ หรือฝ่ายบริหารอย่างตน
เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือธำรงไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สำหรับนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในระยะเวลา 4 เดือนข้างหน้านี้ ตนคิดว่าทุกท่านที่อยู่ในห้องนี้และที่ร่วมประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ยังเป็นบุคคลหน้าเดิม อาจมีเปลี่ยนแปลงบ้างในบางตำแหน่ง แต่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตามีความสนิทสนมรักใคร่ปรองดองกับตนเป็นอย่างดี ที่เคยทำกันมาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ก็ให้เป็นไปตามนั้น
เพียงแต่ขอให้เพิ่มความเร่ง และมีประเด็นที่เราอาจต้องให้ความสำคัญมาก เป็นพิเศษคือปัญหาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา จะไม่มีการเจรจาอะไรที่เป็นภัยต่อประเทศ เพราะฉะนั้นเรื่องของการเปิดด่าน ไม่ว่าจะเป็นด่านชั่วคราวหรือถาวร จะไม่มีวันเกิดขึ้นจนกว่าจะมีการเจรจาที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย และประชาชนชาวไทยได้เป็นที่ยอมรับ และเป็นที่พึงพอใจของประชาชนคนไทยทั้งหมด
นายอนุทิน กล่าวว่า พวกเราทุกคนจะต้องใช้ช่วงระยะเวลานี้ในการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความเข้มแข็งอดทน และสนับสนุนเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยขอให้ทางฝ่ายปกครอง อย่างที่ตนเคยกล่าวก่อนพ้นตำแหน่งไป อยากให้ฝ่ายปกครองได้ทำหน้าที่เป็นกำลังสนับสนุน ฝ่ายทหารและกองทัพ ซึ่งเขาจะได้ทำหน้าที่ ในสมรภูมิชายแดน ป้องกันอธิปไตยของประเทศโดยที่ไม่ต้องมีความกังวลว่า แนวหลังของเขาจะเป็นอย่างไร ฝ่ายปกครองจะต้องทำหน้าที่รักษาเยียวยาจิตใจ ดูแลให้ความสะดวก และปกป้องภัยอันตรายจากประชาชนที่เป็นแนวหลัง
เราอาจจะมีเหตุการณ์อะไรที่คาดการณ์ไม่ได้ และไม่พึงประสงค์ แต่หากเกิดขึ้น ขอให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการอย่างสุดอำนาจที่มีอยู่ เพื่อดูแลสารทุกข์สุกดิบของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวชายแดน มีจุดเชื่อมต่อกับกัมพูชา ส่วนนโยบายอื่น ๆ เราได้ปฏิบัติกันอยู่แล้ว ตนก็ขอให้ความชื่นชม เมื่อใดก็ตามที่ประเทศมีภัย กระทรวงมหาดไทย คือคนแรกที่อยู่กับประชาชน
ตนได้เห็นการปฏิบัติงาน ด้วยความวิริยะอุตสาหะของข้าราชการทุกท่าน รวมถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจ อย่างสุดความสามารถทุกอย่างเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาที่รุมเร้าประเทศ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ทั้งปัญหาความมั่นคง ชายแดน ยาเสพติด และภัยพิบัติ
ตนได้ประกาศไปว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้ จะทำงานโดยไม่มีวันหยุด ตนไม่ได้คาดหวังจากท่าน แต่ขอให้ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะสมัยที่ตนได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับท่าน ก็เห็นว่ามีความมุมานะ ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นวันหยุดหรือวันทำงาน ขอให้สิ่งเหล่านี้กลับมาบังเกิดขึ้นอีกต่อไป เพื่อประโยชน์ของประชาชน จิตวิญญาณของเรามคือการให้ความสำคัญ อยากให้ความสำคัญกับงานบำบัดทุกข์บำรุงสุข ทำให้ประชาชนมีความสมบูรณ์พูนสุข ด้วยความทันสมัยทันโลก และทันเหตุการณ์ทันท่วงที
นายอนุทินยังกล่าวด้วยว่า เราไม่ได้มาพบกันเป็นครั้งแรก พร้อมระบุด้วยว่าหากวันนั้นไม่ได้ออกไป วันนี้คงไม่ได้กลับมา เรามีภารกิจ ที่ห่างเหินกันไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ขอให้ความรักความผูกพัน ไม่ใช่เหมือนเดิมแต่ขอให้เน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ศึกษาวิธีการทำงาน และความเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี รักษาความสัมพันธ์ และสายใย ให้ความสำคัญ กับความผูกพันที่เรามีต่อกัน ตลอดเวลา เพื่อที่เราจะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันด้วยความไว้วางใจความจริงใจ เพื่อประชาชนสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของพวกเรา
ในสัปดาห์หน้าคณะรัฐมนตรี ได้รับทราบมาแล้วว่าจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อที่รัฐมนตรีทุกคนจะได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสมบูรณ์ โดยจะมีการแถลงนโยบายและรับฟังการอภิปรายจากสมาชิก ในวันที่ 29-30 กันยายน ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทย จัดเตรียมความพร้อมในเรื่องข้อมูลต่าง ๆ
หากมีข้อสงสัยจากสมาชิกรัฐสภา พวกตนทุกคน ก็เหมือนเดิมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย ในอีกสถานะหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็มีพื้นที่รับผิดชอบ ที่รัฐมนตรีแต่ละท่านจะต้องไปรับผิดชอบในนามของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย จึงขอให้ทุกท่านให้ความสำคัญ
นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างไม่มีอะไรค้างคาใจกัน ไม่มีอะไรที่จะมาทักท้วง หรือว่ามาทวงสัญญาอะไรกัน ขอให้มองไปข้างหน้า ไม่ต้องมองไปข้างหลัง ขออนุญาตนำท่อนหนึ่งของเพลงเต๋อ เรวัต มอบให้กับทุกคนคือ “ที่แล้วก็แล้วไป ไม่ตะขิดตะขวงใจ ถึงอย่างไรก็จริงใจต่อกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่กระทรวงมหาดไทยเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดาครอบครัวของรัฐมนตรี และข้าราชการ ต่างพากันมาแสดงความยินดี รวมไปถึงมีการเปลี่ยนป้ายชื่อรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามการเข้ามาดำรงตำแหน่งของนายอนุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ ถือเป็นสมัยที่ 3 ของนายอนุทิน และสมัยที่ 68 หลังจากที่ดำรงตำแหน่งในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งตรงกับทะเบียนรถที่ย้ายรูปปั้นนรสิงห์จำลอง ออกจากอาคารแสงอาทิตย์ ไปยังตึกไทยคู่ฟ้า
จากนั้นนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายของกระทรวงมหาดไทย เพิ่มเติมว่า เรื่องการโยกย้ายข้าราชการ เป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงมหาดไทย ยกเว้นข้าราชการระดับ C10 C11 ซึ่งปลัดกระทรวงจะเสนอให้รัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบต่อไป
ส่วนในสมัยรัฐบาลที่แล้วเกิดการร้องเรียนเกี่ยวกับการโยกย้ายข้าราชการนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ก่อน ซึ่งวันที่ 29-30 กันยายนนี้ ตนได้รับการยืนยันจากประธานรัฐสภา ว่าจะมีการบรรจุวาระการประชุม เรื่องการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการประชุมเรื่องทั้งสองสภา หลังจากนั้นคณะรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ
ส่วนการที่หลายฝ่ายมองว่าอาจจะมีการโยกย้ายข้าราชการอีกครั้งหนึ่งนั้น นายอนุทินระบุว่า เรื่องนี้เคยถามตนมาแล้ว 3-4 ครั้ง เราไม่มีเรื่องใดที่เป็นเรื่องส่วนตัวทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นเรื่องของส่วนรวม เป็นของประเทศและประชาชน เมื่อถามย้ำว่า หลังวันที่ 1 ตุลาคม อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมใช่หรือไม่นั้น นายอนุทินระบุว่า ทุกอย่างต้องมีความเหมาะสม ตามสถานภาพและสถานการณ์
ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยให้นโยบายกับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยว่า ให้สลายสีสิงห์ทุกสี และรวมเป็นสีเดียว โดยตอนนี้สิงห์เป็นสีอะไรนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า มหาดไทยก็มีอยู่ 3 สี คือ สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีธงชาติ จะสลายไม่ได้ เพราะถ้าสลายแล้วไม่มีธงชาติ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่มีสิงห์ดำ และสิงห์แดงแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องสลายความเห็นแก่ตัว สลายความแตกสามัคคี สลายความการกลั่นแกล้ง สลายการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง แบบนี้ต้องเอาไปเผาทิ้ง แต่เรื่องของความเป็นข้าราชการ ความเป็นประชาชน ความเป็นประเทศ เราสลายไม่ได้ ต้องเก็บรักษาไว้ เพราะมีเป้าหมายเดียวกันคือ ประเทศ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อถามถึงกรณีการโยกย้าย ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา เบ็ญจะปัก จากอธิบดีกรมการปกครอง มาช่วยราชการรัฐสภา เป็นกรณีพิเศษ นายอนุทินตอบเพียงว่า เรื่องนี้ให้ไปถามผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง ก็พอ มาถามอะไรตน