“บิ๊กคิม” พล.อ.เสกสรร คันธา จะขึ้นเป็น ผบ.ทอ. คนใหม่ แทน “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ที่จะเกษียณ 30 ก.ย. นี่ พร้อมๆกับ การสานต่อ ภารกิจสำคัญ ในการสร้างความพร้อมรบ ขั้นสูงสุดให้กับกองทัพอากาศ
พล.อ.อ.พันธ์ภักดี วางรากฐานไว้ในห้วง 2 ปี ที่เป็นผบ.ทอ. โดย พล.อ.เสกสรร จะสานต่อ ในการเป็น ผบ.ทอ.ถึง 3 ปี ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและความพร้อมได้อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะเมื่อกัมพูชาเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ ตามมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่จะทำให้กองทัพและหน่วยความมั่นคงทั้งหมดต้องปรับองคาพยพ ในการรับมือภัยคุกคามจากข้างบ้านแบบเต็มรูปแบบ จากที่ได้มีการสู้รบกันมาเมื่อ 24 - 28 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาและยังต่อเนื่องด้วยสถานการณ์ความตึงเครียด ที่ยกระดับขึ้น
และในการสู้รบครั้งนั้นกองทัพอากาศจะใช้เครื่องบินรบ F16 และ Gripen ปฏิบัติการทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายทางทหารในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ปฏิบัติการบินของเครื่องบินรบทุกลำอยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยไม่ได้ล้ำเข้าไปในดินแดนของเพื่อนบ้าน แต่สามารถปล่อยอาวุธนำวิถีเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และปฏิบัติตามกติกาสากล
แต่ก็มีบทเรียนจากการสู้รบที่ทำให้กองทัพอากาศต้องปรับแผนเพื่อให้มีความพร้อมรบและไร้จุดอ่อนใดๆ
โดยก่อนเกษียณ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ได้วางแผนในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งในส่วนที่จะมาทดแทนที่ได้ใช้ไปและสึกหรอเสียหาย และจัดหาเพิ่มเติมเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศและการตอบโต้จากประเทศเพื่อนบ้านที่ถือเป็นภัยคุกคาม
โดยมีสิ่งที่ เป็น Game Changer สร้างความพร้อมรบ อย่างน้อย 3 อย่าง คือ ได้จัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ที่เซ็นสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว แม้ทางกัมพูชาโดยสมเด็จฮุนเซน จะพยายามปลุกกระแสประท้วง และส่งหนังสือถึงสวีเดนเพื่อไม่ให้ขายเครื่องบิน Gripen ให้กองทัพอากาศไทยก็ตาม แต่ทางสวีเดนทั้งโดยบริษัท SAAB ผู้ผลิตและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสวีเดนยืนยันแล้วว่ากองทัพอากาศไทยสามารถใช้เครื่องบินนี้ในการปกป้องอธิปไตยของไทยได้
นอกจากนั้น ก่อนเกษียณ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ยังได้เซ็นสัญญาการจัดซื้อเครื่องบินโดยสาร A 330 MRTT ที่ประเทศสเปน ที่สามารถเติมน้ำมันกลางอากาศได้ซึ่งจะถือเป็นเครื่องแรกของกองทัพอากาศไทยและจะเป็นการพลิกโฉมการปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพอากาศไทยให้สามารถปฏิบัติการได้ไกลขึ้นและนานขึ้น
โดยเป็นงบประมาณของสำนักนายกรัฐมนตรี ในการจัดซื้อเครื่องบินโดยสารหรือเครื่องไทยคู่ฟ้าที่จะใช้สำหรับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี แต่แต่ให้ทางกองทัพอากาศเป็นผู้ดูแลและคัดเลือก ถือเป็นการเพิ่มเติมภารกิจเพราะหากซื้อแค่เป็นเครื่องบินลำเลียงหรือโดยสาร ก็จะไม่คุ้มค่าแต่สามารถเป็นเครื่องบินเติมน้ำมันทางอากาศให้กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศได้ก็นับว่าคุ้มค่างบประมาณกว่าหมื่นล้าน
ที่สำคัญได้เริ่มโครงการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลง และนับเป็น Game Changer สำคัญในการเตรียมความพร้อมในการป้องกันประเทศของไทย ในระบบ HIMAD ที่คาดว่า กองทัพอากาศจะเลือกใช้ BARAK Air Defense จากอิสราเอลที่ถือว่าได้รับการยอมรับ มาเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศ โดยเฉพาะในพื้นที่อันตรายชายแดนในอนาคต
โดยมีรายงานว่ากองทัพอากาศได้เสนอขอซื้อจรวดนำวิถีแบบที่เรียกว่า Ballistic Missile ไปจำนวนหนึ่งอีกด้วยที่จะสร้างความมั่นใจและความพร้อมรบของกองทัพอากาศที่จะก้าวหน้าประเทศเพื่อนบ้านไปอีกหลายขุมก่อนที่เพื่อนบ้านจะพยายามพัฒนาตัวเองด้านกำลังทางอากาศ
และที่ต้องปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของกองทัพอากาศในส่วนกำลังรบคือการ สร้างฝูงบินโดรน หรือUAV ที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะ UAS ระบบอากาศยานไร้คนขับแบบติดอาวุธติดระเบิดและแบบพลีชีพหรือ Kamikaza drone
ที่พลอากาศเอกเสกสรร จะเร่งรัดสานต่อและสร้างความแข็งแกร่งโดยทันทีที่รับหน้าที่ในการสร้างกองบินโดรน ให้แข็งแกร่ง โดยปัจจุบันกองทัพอากาศมีกองบิน 3 ที่วัฒนานคร จ. สระแก้ว ซึ่งเป็นฝูงบินที่มี UAV และ โดรน เท่านั้น
กองทัพอากาศมีแผนที่จะปรับโครงสร้างกำลังรบในสมุดปกขาวเพื่อนำสู่การปฏิบัติจริง ในการเปลี่ยนฝูงบินที่เป็นเครื่องบินรบ ที่อุบลราชธานีและอุดรธานีซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้ชายแดน ให้เป็นฝูงบินโดรน ติดอาวุธ จากที่มีเครื่องบิน F5 และ Alpha Jet
ประจำการและกำลังจะถึงเวลาที่ต้องปลดประจำการกองทัพอากาศก็จะจัดซื้อ โดรน แทน ไม่ซื้อเครื่องบินรบจากแผนเดิมที่เคยจัดซื้อเครื่องบิน T-50TH มาทดแทน แต่อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าอาจจะเป็นฝูงบินโดรน แค่หนึ่งฝูงบินและอาจจัดซื้อ AT6Th เข้ามาประจำการเพิ่มอีกหนึ่งฝูง หลังจากที่มีฝูงบินแรกที่กองบิน41 จังหวัดเชียงใหม่ และได้ร่วมปฏิบัติการบินในการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในห้วงที่ผ่านมาด้วย
เพราะในการสู้รบที่ผ่านมาและที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้และอาจต่อยาวไปเพราะถึงอย่างไรไทยกับกัมพูชาก็คงไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันได้อีก
ดังนั้นกำลังทางอากาศจึงเป็นกฎหมายสำคัญของความได้เปรียบในการสู้รบ เพราะจะเห็นได้ว่าการสู้รบที่ผ่านมาห้าวัน กำลังทางบกเสียเปรียบฝ่ายกัมพูชาไม่น้อย แต่ยังมีกำลังทางอากาศจากเครื่องบินรบมาช่วยสนับสนุนได้
นี่คือภารกิจที่สำคัญของผู้บัญชาการทหารอากาศคนใหม่ พล.อ.อ.เสกสรร ผู้เป็นนักรบ อดีตผู้บังคับการกองบิน 4 จะมาสร้างความแข็งแกร่งให้กองทัพอากาศ สร้างความสั่นสะท้านให้เพื่อนบ้านที่เป็นอริราชศัตรู ได้ หนาวกันไปตามๆกัน